Skip to main content

สุรนันท์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าและกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าเมื่อวาน (19 พ.ค.) เกือบลาออกจากพรรคสร้างอนาคตไทย เรื่องที่ทำให้ต้องคิดตัดสินใจเช่นนั้น เป็นผลพวงจากการประชุมคณะกรรมการบริหารที่มีการถกเถียงในจุดยืนเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยสุรนันท์ ให้ความเห็นว่า หากพรรคได้รับคะแนนเสียงเพียงพอ ได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 25 ที่นั่งตามกำหนดที่สามารถเสนอชื่อ ผู้ที่จะเป็นแคนดิแดตนายกฯ ได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เสนอชื่อ 'สมคิด จาตุศรีพิทักษ์' ตามที่พรรคเสนอต่อประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ใช่พรรคขนาดใหญ่ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และขอคำยืนยันว่าจะไม่ยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์  ไม่ว่าในกรณีใด

สุรนันท์ กล่าวต่อว่า มีการเสนอความเห็นพอสมควร แต่มีกรรมการคนหนึ่ง ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม บอกข้อเสนอของตนเป็น "ปาหี่" ซึ่งรับไม่ได้ อะไรคือ "ปาหี่" ก็คือการหักหลังประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อให้ สมคิด เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นอย่างน้อยในรอบแรกของการซาวด์เสียงในสภาฯ พรรคควรแสดงจุดยืนที่มุ่งมั่นตามที่ประชาชนที่เลือกพรรคต้องการ

สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น เคยได้ร่วมงานด้วย ท่านเป็นคนเก่งและมีความตั้งใจดี แต่หนทางขึ้นสู่อำนาจมาจากการรัฐประหาร ซึ่งผิดหลักการอุดมการณ์ของตน ที่เลวร้ายกว่าคือการถือครองอำนาจที่ยาวนาน ไม่คืนอำนาจให้กับประชาชนตามวิถีประชาธิปไตย จนตกอยู่ในวังวนของอำนาจนิยม ไม่สามารถบริหารจัดการได้ และนำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศชาติในทุกมิติ ถ้าพรรคสร้างอนาคตไทยไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ อีกตนก็ร่วมสังฆกรรมด้วยไม่ได้ ดีที่ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ซึ่งนับเป็น 'เพื่อน' คนหนึ่ง มานั่ง 'เคลียร์ใจ' รับฟังมุมมองของตนและยืนยันว่า

1. พรรคจะสนับสนุน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เพราะเป็นคนเดียวเท่าที่เห็นขณะนี้ ที่จะพาประเทศด้วยชุดความคิดที่จะแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และจัดระบบเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองให้เข้าที่เข้าทาง ประเทศเดินหน้าไปได้

2. พรรคจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และไม่เข้าร่วมรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีก

3. พรรคพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถ้าพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ

4. หัวหน้าพรรคไม่มีข้อตกลงใดๆ ในทางลับกับฝ่ายทหารในการตั้งพรรคและทำงานการเมือง

ทั้งนี้ สุรนันท์ บอกต่อว่า อุตตมขอให้ตนร่วมงานต่อ และช่วยกันสร้างพรรคทางเลือกให้กับประเทศและประชาชน จึงได้รับปาก ไม่ใช่เพราะต้องการตำแหน่งหน้าที่อำนาจใดๆ แต่วันนี้ประเทศต้องการชุดความคิดใหม่ๆ ต้องการคนที่มีประสบการณ์ ที่มีบทเรียนทั้งดีและที่พลาดพลั้ง เพื่อจะได้ใช้องค์ความรู้นั้นมาแก้ไขปัญหาที่ "หมักหมม" มายาวนาน และตนไม่ต้องทำการเมือง ตนกลับมาทำร้านกาแฟได้ ไม่เดือดร้อน

และยืนยันว่า เชื่อให้อุดมการณ์ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยทางการเมืองเท่านั้นที่จะสร้างความยุติธรรมให้กับประชาชนได้ หากบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย โอกาสทางเศรษฐกิจของคนตัวเล็กตัวน้อยก็จะไม่มี มีแต่อภิสิทธิ์ชน และทุนใหญ่ที่อยู่ใกล้ศูนย์อำนาจเท่านั้นที่ได้ประโยชน์

"ก็สู้กันต่อไป ผมสัญญาว่าผมจะยึดมั่นในอุดมการณ์ และทำให้ดีที่สุด สุดความสามารถ เพื่อให้อนาคตของลูกหลานไทยสดใส มีอนาคต" สุรนันท์ ทิ้งท้าย

สุรนันท์ เข้ามาเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีการประชุมใหญ่ไปเมื่อวันที่ ในวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากห่างหายไปจากแวดวงการเมืองเพื่อไปทำธุรกิจร้านกาแฟ Brainwake ซึ่งมาเพื่อมาช่วยงานนโยบายให้กับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย เนื่องจากมีแนวทางการทำงานที่ต้องการนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ โดยที่ผ่านมาพรรคได้ชู สมคิด เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะยังไม่เคยเข้ามาร่วมงานการเมืองก็ตาม 

พรรคสร้างอนาคตไทยได้เปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 โดยอุตตมและสนธิรัตน์ เปิดตัวประกาศแนวทางทำงานการเมืองแบบ "ไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง" และไม่เป็นพรรคอะไหล่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งทั้งสองคนถือว่าอยู่ในกลุ่มสี่ยอดกุมาร ที่ลาออกจากคณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2563 ขณะนั้น อุตตม ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสนธิรัตน์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน