ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุว่ารัฐบาลเงินหมดหน้าตัก 10 มาตรการลดค่าครองชีพประชาชนจึงเป็นแบบกะปริดกะปรอยแก้ขัด และส่วนใหญ่เป็นการต่ออายุมาตรการเดิม ว่า ศิริกัญญาไม่ควรมโนหรือใช้จินตนาการไปเรื่อย เพราะสิ่งที่พูดเป็นสิ่งที่คิดเองเออเองแทบทั้งสิ้น ทั้งการกล่าวหาว่ารัฐบาลรับสารภาพว่าเงินหมดหน้าตัก จึงไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลได้จนถึงเดือนพฤษภาคม และหากเลิกตรึงราคาแล้วจะปล่อยลอยตัวทันที หรือการบอกว่ากองทุนประกันสังคมอยู่ในสถานะกระง่อนกระแง่น ซึ่งการพูดลักษณะนี้เรียกว่าพูดเรื่อยเปื่อย แต่ปราศจากหลักฐาน พูดเรื่องที่ไม่จริงจนคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องจริงได้
ธนกร กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือประชาชนนั้น ส่วนใหญ่ต้องใช้งบประมาณ ดังนั้น หากเงินหมดหน้าตักอย่างที่กล่าวอ้าง ก็คงจะไม่มีเงินมาดำเนินการไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม มาตรการบางเรื่องอาจทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้บ้าง แต่ก็ต้องยอม เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤตซ้อนวิกฤตเช่นนี้ เมื่อมีมาตรการที่หลากหลาย ก็จำเป็นต้องเกลี่ยงบประมาณให้ครอบคลุม เช่น ลดระยะเวลาตรึงราคาน้ำมันดีเซลลง เพื่อไปเพิ่มในส่วนอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเลิกตรึงราคาแล้วรัฐบาลจะนิ่งดูดาย
ธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนการต่ออายุมาตรการเดิมนั้น เพราะที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์โดยตรง โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดหลักเกณฑ์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ที่จะครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่กรณีของสถานะกองทุนประกันสังคมนั้น ก่อนพูดอะไรก็อยากขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน อย่าพูดลอยๆ เพราะเงินที่รัฐบาลนำไปช่วยเหลือผู้ประกันตนในช่วงที่ผ่านมานั้นมาจาก พ.ร.บ.เงินกู้ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน
“มาตรการทั้ง 10 ข้อจะเกิดผลดีกับประชาชนไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตในระยะสั้น ก่อนที่จะมีการต่อยอดไปสู่มาตรการระยะกลางและระยะยาวที่รัฐบาลวางแผนไว้ต่อไป ทั้งนี้ นายกฯ ได้มอบหมายให้รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง และทีมเศรษฐกิจ ร่วมกันชี้แจงรายละเอียดของมาตรการ รวมถึงแนวทางที่จะดำเนินการต่อไปด้วย ดังนั้น อยากให้ฝ่ายค้านติดตาม จะได้เลิกคิดเองเออเองจนเข้าใจผิดเสียเอง” ธนกร กล่าว