Skip to main content

'ดร.โภคิน' ถอดบทเรียน 6 ตุลา สะท้อนพลวัตการเมืองไทย ผู้มีอำนาจไม่เข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงโลก ชี้ ต้องเปลี่ยนทัศนคติ ทำลายอำนาจนิยม มีความเป็นพี่น้องเท่าเทียมกัน-ราชการหุ้นส่วนประชาชน 

ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่าเหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษา-ประชาชนในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ได้สะท้อนความเป็นพลวัตทางการเมืองที่ประกอบด้วย ฝ่ายศักดินานิยม ฝ่ายอำนาจราชการนิยม และฝ่ายประชาธิปไตย ที่เชื่อมร้อยสายธารประวัติศาสตร์มาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองสยามประเทศ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 และพลวัตดังกล่าว ยังส่งต่อสายธารความขัดแย้งมาจนถึงการรัฐประหาร 2549 ที่ได้มีการแบ่งแยกประชาชนออกเป็น 2 ฝ่าย เป็นเสื้อแดง-เสื้อเหลือง 

ทั้งนี้ ชนวนเหตุเกิดจากความไม่เข้าใจของผู้มีอำนาจในขณะนั้น ที่หวาดกลัวต่ออิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ หลังจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชา ลาว เวียดนาม ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง และเกรงว่าไทยจะได้รับอิทธิพลดังกล่าวตามทฤษฎี 'โดมิโน่' 

แต่หากพิจารณาถึงองค์ประกอบของชนวนเหตุดังกล่าว ตนเห็นว่าไทยไม่มีทางที่จะรับอิทธิพลการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ได้ เนื่องจากผู้นำโลกคอมมิวนิสต์ระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต เกิดการทะเลาะกัน ซึ่งจีนได้จับมือกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรของไทย จนนำมาสู่การสิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 2518 และจีนก็ได้สนับสนุนกองกำลังเขมรแดง เป็นฐานกันชนชายแดนในการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าสู่ไทย ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะเกิดทฤษฎี 'โดมิโน่' ขึ้นในไทยได้ 

ดร.โภคิน กล่าวต่อว่า เนื่องในวาระครบรอบ 45 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ประเทศไทยเกิดความสูญเสียมามากพอแล้ว ซึ่งความขัดแย้งทางการเมือง ผู้มีอำนาจต้องไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน เพราะการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นการแสดงออกขั้นพื้นฐาน ที่ประชาชนสามารถกระทำได้ และแม้หากมีความรุนแรงจากผู้ชุมนุม ก็ควรบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่ไม่ควรเหมารวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุม 

“ผู้มีอำนาจจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ (mindset) เพื่อให้เกิดการพัฒนา และก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งในโลกสมัยใหม่ จะให้คุณค่าความเป็นมนุษย์ โดยต้องปรับทัศนคติแบบอำนาจนิยม ที่ลดทอนคุณค่าความเป็นคนให้มีความเป็นภราดรภาพ หรือ ความเป็นพี่น้องกัน มีความเท่าเทียมกัน และต้องทำให้รัฐราชการ เป็น รัฐประชาชน เปลี่ยนทัศนคติรัฐราชการอำนาจนิยม ให้ข้าราชการเป็นหุ้นส่วนกับประชาชน ในการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน” ดร.โภคินกล่าว