Skip to main content

กลุ่ม Re-Solulion แถลงข่าวกรณีรณรงค์เข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในแคมเปญ 'ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์' ท่ามกลางกระแสการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองใหญ่ซึ่งมุ่งไปที่การแก้ไขรายมาตราเน้นที่เรื่องระบบการเลือกตั้ง ขณะที่ทางกลุ่มเสนอแก้ไขใน 4 ประเด็น มุ่งขจัดต้นตอของปัญหาในการสืบทอดอำนาจ คือ 1.ล้มวุฒิสภาเดินหน้าสภาเดี่ยว 2.โละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ปฏิรูปที่มา อำนาจ การตรวจสอบ 3.เลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนปฏิรูป ปลดโซ่ตรวนอนาคตประเทศ และ 4.ล้างมรดกรัฐประหาร หยุดวงจรอุบาทว์ขวางประชาธิปไตย

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ตัวแทนกลุ่ม Re-Solulion กล่าวว่า รัฐธรมนูญ 2560 หรือฉบับสืบทอดอำนาจ ถ้ายังอยู่กับเรา ประเทศไทยจะไม่กลับมาปกติแบบนานาอารยะประเทศ ซึ่งเราเห็นว่าต้องมีการจัดทำใหม่ทั้งฉบับ แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการนั้นได้ถูกคว่ำไปด้วยการเล่นแร่แปรธาตุของสมาชิกรัฐสภา และมีทีท่าว่าจะหันมาแก้รายมาตราแทน และช่วงระหว่างการทำทั้งฉบับยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ ก็จำเป็นว่าจะแก้รายมาตรนั้นจะแก้อย่างไร เพราะเราคาดว่าท้ายที่สุด ด้วยกลไกที่สมาชิกรัฐส่วนต้องการนั้น เขาไม่ต้องการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญเฉพาะบางประเด็นที่พวกเขาได้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจต่อไปเท่านั้น นี่จึงเป็นที่มาที่กลุ่ม Re-Solulion เปิดแคมเปญแก้รัฐธรรมนูญในชื่อ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” ด้วยความตั้งใจว่า หากจะแก้รายมาตรานั้น จะต้องแก้ใน 4 ประเด็นสำคัญที่เป็นจุดค้ำจุนระบอบประยุทธ์ดังกล่าว

ปิยบุตร

ปิยบุตร กล่าวถึงกรณีพรรการเมืองใหญ่เสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราในช่วงนี้ ว่า กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้ มันเป็นการเล่นละคร ตบตา ปาหี่ กันมาตั้งแต่ต้น เห็นชัดว่ารัฐบาลเสียงข้างมากในเวลานี้ รวมถึง ส.ว.ไม่ได้มีความจริงใจแก้ตั้งแต่ต้น จนโดนประชาชน โดนฝ่ายค้าน และโดนพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมรัฐบาลโดยมีเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญกดดัน จึงเริ่มต้น กมธ.ศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญ จากนั้นก็โดนผู้ชุมนุมกดดัน เลยยอมลงมติรับหลักการ แต่ก็ใช่ว่ารับทันที เพราะมีการตั้ง กมธ.ศึกษาอีกเพื่อยื้อเวลา ท้ายที่สุดทำขึ้นมา และก็มีการร้องศาลรัฐธรรมนูญอีก ก่อนที่สุดท้ายในวาระ 3 ก็คว่ำไป ทำราวกับว่าการจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ หรือการจะทำใหม่ทั้งฉบับจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย แต่ท้ายที่สุด พอสถานการณ์การเมืองบีบงวดมากขึ้น พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มมีปัญหากันเองมากขึ้น คราวนี้เริ่มกลับมาคิดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ

“กติกาที่พวกคุณเคยออกแบบมาเพราะไม่อยากให้พรรคการเมืองใหญ่ได้ ส.ส.เป็นจำนวนมาก ไม่อยากให้พวกเขาได้กลับมาเป็นรัฐบาล คราวนี้ก็เลยเข้าตัวเอง เพราะจะทำให้พรรคของคุณไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ดังนั้น ก็เลยเริ่มเสนอแก้รายมาตรา และรีบกันจนจะแซงคิวเรื่องสำคัญที่พิจารณาอยู่อย่าง ร่าง พ.ร.บ. ประชามติ นี่เป็นความผิดปกติอย่าชัดเจน ที่นักการเมืองบางกลุ่ม สมาชิกรัฐสภาบางพวก กำลังรวมหัวกันต้มประชาชน ซึ่งบทบาทของประธานรัฐสภาจึงสำคัญยิ่งว่าจะเอาอย่างไร คืออย่างน้อยควรรอให้ ร่าง พ.ร.บ. ประชามติ จบก่อน สภาสมัยนี้ยังมีเวลาอีกหลายเดือนในการพิจารณาญัติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ปิยบุตร กล่าว

ปิยบุตร กล่าวด้วยว่า อยากชวนพิจารณา การแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้ ที่พรรคต่างๆ มีการเสนอมาหลายร่าง ตามแต่ละพรรคนั้นๆ จะออกแบบ แต่ความสำคัญอยู่ที่ วัตถุประสงค์ลึกๆ แล้วเขาต้องการอะไรกันแน่ ซึ่งคิดว่าฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านบางพรรค เขาต้องการเน้นไปที่ระบบเลือกตั้ง เรื่องอื่นเป็นเพียงองค์ประกอบ เป็นเพียงเครื่องประดับที่ตกแต่งเท่านั้นเอง และท้ายที่สุด ก็คาดการณ์ว่าการแก้ระบบเลือกตั้งครั้งนี้จะมีโอกาสสำเร็จด้วย และถ้าหากการแก้ระบบการเลือกตั้งครั้งนี้สำเร็จ กลับไปเป็นแบบรัฐธรรมนูญ 2540 จริง นี่คือการเปิดทางให้ระบอบประยุทธ์ได้สืบทอดอำนาจอีกรอบ นับเป็นครั้งที่ 3 ที่เขาหลอกต้มประชาชน

“โดยครั้งแรกคือการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีคำถามพ่วงให้ ส.ว. 250 คนจากการแต่งตั้งของประยุทธ์และมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 คือเมื่อมีการเลือกตั้งได้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่ส่วนหนึ่งพรรคการเมืองที่มาร่วมก็กังวลเรื่อง ส.ว.250 คน และครั้งนี้ ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคตนเองชนะเบ็ดเสร็จ ก็เปลี่ยนระบบเลือกตั้งให้ตนเองได้เปรียบ ซึ่งหากทำสำเร็จ 3 ครั้งติดต่อกันนี้ คำถามคือประชาชนอยู่ตรงไหน เรื่องใหญ่ที่เป็นประเด็นสำคัญไม่แตะ ไม่ทำ คว่ำไป แต่พอเรื่องที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็หยิบมา แถมจะแซงคิวอีก จะเอาให้ได้เพื่อแก้ไขปัญหาของตนเอง เราต้องไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดอีกต่อไป” ปิยบุตร กล่าว

 

'มายด์' ชวนประชาชนร่วมส่งเสียง ดันร่างแก้ รธน.ฉบับประชาชนเป็นวาระหลักในสภา

 

ด้าน ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล นักกิจกรรมประชาธิปไตย ระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นดอกผลมาจากการรัฐประหาร ให้กำเนิดรัฐบาลที่มาจากการสืบทอดอำนาจ ทำให้เราได้นายกรัฐมนตรีที่น่าจะไร้ความสามารถที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่เมื่อประชาชนพยายามส่งเสียงอยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ องครักษ์พิทักษ์ระบอบประยุทธ์จะเข้ามาขัดขวางตลอดเวลา

ที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยกลไกประชาธิปไตยเป็นไปได้ยากเย็นแสนเข็ญและถูกขัดขวางมาโดยตลอด จนทำให้สงสัยว่าประเทศไทยจะยอมรับกันใช่หรือไม่ ว่าประเทศนี้เมืองนี้จะแก้รัฐธรรมนูญได้เฉพาะโดยอำนาจปลายกระบอกปืนของคณะรัฐประหาร หรือเพื่อผลประโยชน์ของชนชั้นนำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่อะไรที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงปัญหาในเชิงโครงสร้าง เพื่อการพัฒนาประเทศที่จะทำให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกลับทำไม่ได้ คำถามใหญ่ก็คือสรุปว่าประเทศนี้เป็นของใครกันแน่

มายด์ ภัสราวลี

แต่พวกเราหลายคนก็คงเชื่อเหมือนกัน ว่าประเทศนี้เป็นของประชาชน และพวกเราประชาชนทุกคนก็จะไม่ยอมให้พวกเขามาทำอะไรตามอำเภอใจ จะไม่ยอมให้มีการสืบทอดอำนาจที่ยืดยาวต่อออกไปกว่านี้ จะไม่ยอมให้พวกเขาเหล่านี้มาเล่นเกมหลอกต้มประชาชน จะไม่ยอมถูกบังคับให้อยู่ในโครงสร้างแบบที่ไม่ให้ประชาชนลืมตาอ้าปาก กดหัวประชาชนไปมาอีกต่อไปแล้ว

เราทุกคนจะต้องส่งเสียงเรียกร้องลงมือทำ เข้าชื่อและผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชน ให้เป็นร่างหลักที่จะพิจารณาอยู่ในสภา ทั้งหมดนี้เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจ ป้องกันไม่ให้นายพลเกษียณที่ยึดอำนาจมา หรือคนที่ระบอบนี้ส่งมาเป็นนายกรัฐมนตรี ให้มาเป็นผู้นำและปกครองพวกเรา เราต้องส่งเสียงและลงมือทำเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศนี้ โครงสร้างเหลื่อมล้ำที่คน 1% สะดวกสบายแต่คนอีก 99% ต้องลำบาก โครงสร้างแบบนี้ต้องหมดไปเสียที

"ถ้ารัฐธรรมนูญ 60 ยังเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเลือกตั้งอีกกี่ครั้งเราก็จะได้รัฐบาลที่ไม่เห็นหัวประชาชนอยู่ดี  ประชาชนต้องมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ต้องอดสองมื้อกินมื้อเดียวอีกต่อไปแล้ว และพี่น้องประชาชนทุกคนควรจะต้องสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้ได้ในประเทศแห่งนี้" ภัสราวลี กล่าว