พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเเถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพร้อมพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงข้อเสนอในการบริหารจัดการวัคซีนในสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ของรัฐบาลที่ล้มเหลว นำไปสู่วิกฤติของประเทศในปัจจุบัน
พิธา กล่าวว่า เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นถึงความสามารถและวิสัยทัศน์ในการจัดการวิกฤตในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่ารัฐบาลล้มเหลวและผิดพลาดในการรับมือสถานการณ์โควิดในประเทศอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่ตั้งแต่ประเทศไทยได้พบเจอกับวิกฤติโควิด บุคลากรทางการแพทย์ ต้องเสียสละแรงกายแรงใจ ประชาชนต้องอดทนพบเจอกับความลำบากในการใช้ชีวิต โดยหวังว่าจะเป็นการซื้อเวลาให้มีการบริหารจัดการที่ดี แต่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำลายความหวังของพี่น้องประชาชนลงไปอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำยังทำตัวเป็น 'ทองไม่รู้ร้อน' ไร้ซึ่งความรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น
พิธา กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่า ตัวเองนั้นไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้ความน่าเชื่อถือ และไร้ความเข้าใจในการจัดการปัญหานี้ ประชาชน พ่อค้าแม่ขาย เจ้าของธุรกิจน้อยใหญ่ กำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากการบริหารที่ไร้ความรับผิดชอบ พวกเขากำลังอดตายจากมาตรการหอคอยงาช้าง พวกเขากำลังสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร พวกเขากำลังสูญเสียโอกาสในการดำรงชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยไร้กังวลจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการวัคซีน รวมถึงพวกเขาหลายคน ที่ต้องสูญเสียชีวิต สูญเสียสมาชิกในครอบครัว สูญเสียคนที่รัก อย่างไม่มีวันกลับมา
"พวกผมหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรค ไม่อาจฝืนทนมองเห็นความสูญเสียที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยตอนนี้ได้อีกต่อไป จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติบทบาทในการบริหารประเทศทันทีด้วยการลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความสูญเสียต่างๆ ที่ไม่อาจประเมินค่าได้ที่พวกท่านได้ทำต่อประเทศไทยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา และ 1 ปีที่มีเเต่ความล้มเหลว ผมขอเสนอให้พลเอกประยุทธ์ ลาออกจากตำเเหน่งยุติบทบาทโดยทันที และเปิดโอกาสให้รัฐบาลมืออาชีพ เข้ามาบริหารประเทศแทน"
เร่งเดินหน้าทำประชามติ แก้รธน.ปิดตายประตู สว.
นอกจากนี้ พิธา ยังได้กล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล ว่า ขอย้ำว่า หากรัฐบาลตัดสินใจยุติบทบาท เรายังมีความจำเป็นที่ต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ต่อไป ด้วยการผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้มีผลบังคับใช้ เพื่อจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน ซึ่งกระบวนการดังกล่าว จะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับการเดินหน้ายกเลิกมาตรา 272 ว่าด้วยอำนาจของวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี
รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจนี้ เป็นต้นตอของการมีอยู่ของรัฐบาลที่ไร้ความสามารถและการเพิกเฉยต่อความไม่พอใจของประชาชน ซึ่งส่งผลให้การแก้ไขวิกฤตต่างๆ ในประเทศเป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก และล่าช้า จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราต้องเดินทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นการถอนรากถอนโคนวงจรการสืบทอดอำนาจเผด็จการที่ไม่เคยเห็นหัวประชาชนให้ออกไปจากสังคมไทย
"โดยพรรคก้าวไกลขอยืนยันว่า เราจะไม่ขอรับข้อเสนอใดๆ ที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 จากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการสืบทอดอำนาจระบอบเผด็จการเช่นเดียวกับที่เคยเป็นมาโดยตลอด มีอำนาจเต็มมือแต่ไม่สามารถบริหารจัดการได้ และขอเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมมือกันตัดตอนวงจรการสืบทอดอำนาจนี้ เพื่อคืนอำนาจสู่มือประชาชนอย่างแท้จริง"
กางโร้ดแมปทางออกวิกฤต
พิธา ยังได้กล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขปัญวิกฤติประเทศที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ในวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ไร้ความสามารถมากเพียงใด วิกฤตการเมืองก็แก้ไม่ได้ วิกฤตเศรษฐกิจก็มีแต่เลวร้ายลง ต้องมาเจอวิกฤตศรัทธาประชาชนอีก ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านต้องหยุดโอบกอดอำนาจที่ไม่ได้เป็นของท่าน ปล่อยคืนสู่มือประชาชน เปิดทางให้รัฐบาลมืออาชีพเข้ามาแก้วิกฤต พรรคก้าวไกลจึงขอเสนอโร้ดแมป เพื่อออกจากวิกฤตดังใน 3 ประเด็นหลัก
ประเด็นเเรก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต้องยุติบทบาทการบริหารประเทศด้วยการลาออกทันที ประเด็นที่สอง ตั้งรัฐบาลใหม่ชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 2 เรื่อง คือ ปัญหาสถานการณ์โควิด และ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นสุดท้าย คือ ยุบสภาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งทั่วไป โดยทั้งหมดจะทำภายในเวลาไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น
"ผมขอยกคำถามที่เคยถามเพื่อนสมาชิกรัฐสภา เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาถามทุกๆท่านอีกครั้งว่าพวกท่านจะเลือกประยุทธ์หรือประเทศ เพราะเวลากำลังเดินไปข้างหน้า โอกาสทางเศรษฐกิจและศรัทธาของประชาชนกำลังลดน้อยลงทุกวินาที ดังนั้น หมดเวลาของเผด็จการ หมดเวลาของประยุทธ์แล้วครับ" พิธา กล่าวทิ้งท้าย