Skip to main content

ไวซ์ไซท์ รายงานภาพรวมการใช้งานโซเชียลมีเดียของภาคธุรกิจไทยตลอดปี 2565 ธุรกิจบริการอาหารและคาเฟ่มีเอ็นเกจเมนต์สูงสุด ธุรกิจการโรงแรม บริษัทนำเที่ยว และห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เอ็นเกจเมนต์โตมากที่สุด

ทั้งนี้ บริษัท ไวซ์ไซท์ ได้รวมข้อมูลและสถิติการใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของภาคธุรกิจกว่า 2,000 แบรนด์จาก 20 กลุ่มอุตสาหกรรม ตั้งแต่ 1 ม.ค.–31 ธ.ค. 2565 ซึ่งมีการใช้งาน Facebook, Twitter, Instagram และ YouTube โดยมุ่งให้นักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจนำไปต่อยอดวางกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลจากการรวบรวมข้อมูลพบว่า 99% ของแบรนด์ยังคงใช้ Facebook เป็นแพลตฟอร์มหลักในการสื่อสาร และมีสัดส่วนการใช้ Twitter กับ Instagram เพิ่มขึ้นกว่า 5%

ขณะที่เอ็นเกจเมนต์ของบัญชีทางการบน Facebook มีแนวโน้มลดลง สวนทางกับจำนวนโพสต์เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับเอ็นเกจเมนต์ของบัญชีทางการบน Instagram ที่ลดลงขณะที่จำนวนโพสต์มีความสม่ำเสมอ ส่วนเอ็นเกจเมนต์ของบัญชีทางการบน Twitter มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่จำนวนโพสต์มีความสม่ำเสมอ และยอดเข้าชมของบัญชีทางการบน YouTube มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่จำนวนโพสต์มีความสม่ำเสมอ

ในปี 2565 มีเอ็นเกจเมนต์จากบัญชีทางการ (Official Account) ของแบรนด์ทั้งสิ้น 389 ล้านครั้ง จาก 3.1 ล้านโพสต์ โดย 3 กลุ่มธุรกิจที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์ สูงสุด คือ ธุรกิจบริการอาหารและคาเฟ่ (Restaurant), ธุรกิจอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง (Construction Material) และธุรกิจแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายสินค้า (Marketplace & E-Commerce Platform)

กลุ่มธุรกิจที่เอ็นเกจเมนต์เติบโตสูงสุด คือ ธุรกิจการโรงแรมและตัวแทนบริษัทนำเที่ยว (Hospitality & Travel Agency) และธุรกิจห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า (Shopping Center & Department Store)

กลุ่มธุรกิจที่โดดเด่นมากที่สุดบน Facebook คือ ธุรกิจอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง (Construction Material) และธุรกิจบริการอาหารและคาเฟ่ (Restaurant), บน Twitter คือ ธุรกิจแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายสินค้า (Marketplace & E-Commerce Platform), ส่วน Instagram คือ ธุรกิจบริการอาหารและคาเฟ่ (Restaurant) และ YouTube คือ ธุรกิจเครื่องดื่ม (Beverage)

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจคือ ธุรกิจบริการอาหารและคาเฟ่ (Restaurant) ที่เริ่มเข้ามาครองพื้นที่บน Instagram มากขึ้น (+61%) ในขณะที่บน YouTube เป็นธุรกิจทองคำและอัญมณี (Gold & Jewelry), ธุรกิจตกแต่งบ้าน (Home & Decoration) และธุรกิจบริการอาหารและคาเฟ่ (Restaurant) ก็มีการเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก

โดยรวมแบรนด์มีบัญชีทางการอย่างน้อยสองแพลตฟอร์มขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วน 84% ของแบรนด์ทั้งหมด โดยเพิ่มขึ้น 2% จากปี 2564 ส่วนมากแบรนด์มีบัญชีทางการอย่างน้อย 2 แพลตฟอร์มคิดเป็น 37% รองลงมาคือมีบัญชีทางการอย่างน้อย 3 แพลตฟอร์มคิดเป็น 27%, มีบัญชีทางการอย่างน้อย 4 แพลตฟอร์มคิดเป็น 20% และมีบัญชีทางการอย่างน้อย 1 แพลตฟอร์มคิดเป็น 16%

ในส่วนของช่วงเวลาการโพสต์ แบรนด์มักมีการโพสต์ตามเวลาทำการ (Working Hours) คือ ในวันจันทร์ - ศุกร์ โดยเฉพาะช่วง 2-3 ชั่วโมงก่อนพักเที่ยง และก่อนเลิกงาน ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เน้นโพสต์ช่วงครึ่งเช้า

วิดีโอบน YouTube ที่ผู้บริโภคมักกด like ส่วนมากจะเป็นวิดีโอที่มีความยาว 5-20 นาที มีเนื้อหาน่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นรายการที่รวมศิลปิน ดนตรี หรือโฆษณาที่มีเรื่องราวคล้ายภาพยนตร์

แบรนด์เน้นใช้รูปภาพมากกว่าวิดีโอบนช่องทาง Instagram ในส่วนของโพสต์ที่ได้รับยอด Love สูง ส่วนมากจะเกี่ยวกับอาหาร หรือการเตรียมอาหารและโพสต์กิจกรรมแจกรางวัลที่ร่วมกับพรีเซนเตอร์