4 แกนนำขึ้นพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีอัดรัฐบาลต่อหลังจบการอภิปรายทั่วไป ในการเสวนาหัวข้อ ‘คำถามที่ประยุทธ์ตอบไม่ได้ ทำไมถึงอยากไปต่อ’
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การอภิปรายทั่วไปเมื่อวันที่ 15-16 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์การทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร แม้จะไม่มีการลงมติ แต่กระบวนการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านเสมือนการอภิปรายแบบมีการลงมติ ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่า ควรลงคะแนนให้ในการเลือกตั้งต่อไปหรือไม่
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำใน 4 เรื่องหลักที่เกิดภายใต้จากรัฐบาล คสช. และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยชี้ว่า การเมืองการปกครองยุคนี้ เป็นประชาธิปไตยเงินสด หรือธนกิจการเมือง มีการใช้เงินและอำนาจเพื่อสืบทอดอำนาจ นับตั้งแต่การจัดทำกติกาเลือกนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงมีการแจกกล้วยให้ ส.ส.
ด้านเศรษฐกิจ ปัญหาที่ทำกิน หนี้สาธารณะ-หนี้ครัวเรือน มีการกู้เงินกว่า 5.7 ล้านล้านบาท ด้านสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงการบริการของรัฐ การเอาผลประโยชน์เข้าพวกพ้อง ประเด็นเหมืองทองอัครา ปัญหายาเสพติดเป็นเครื่องมือสำคัญในการคอร์รัปชัน อำนาจทุนจีนสีเทา การที่ล้งต่างชาติชี้นำการขายผลผลิตจากเกษตรกร รวมถึงปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างมากจากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
ทางด้านจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรค กล่าวว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจต่อไป จะทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหา 8 เรื่องได้ คือ การที่ประเทศไทยไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติอันเนื่องจากการรัฐประหาร ซึ่งนานาประเทศให้ความสนใจต่อปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีที่ไทยงดออกเสียงต่อความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และการที่ทั่วโลกมีมติให้เมียนมาคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว ประเทศไทยกลับไม่ได้ทำและทำตรงข้าม ซึ่งจาตุรนต์มองว่า เป็นการทำให้ไทยเป็นตัวตลกในเวทีการต่างประเทศ
จาตุรนต์กล่าวต่อว่า 8 ปีที่ผ่านมาไทยไม่สามารถทำ FTA กับประเทศใหญ่ได้ การดำเนินการล่าช้า ทำให้เสียโอกาสในการส่งออกอย่างมหาศาล ซึ่งหากพล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ จะทำเรื่องนี้อย่างไร้ประสิทธิภาพ รวมทั้งยังล้มเหลวในการดึงการลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังทำลายหลักนิติธรรม ใช้อำนาจไม่ถูกต้องในการยกเลิกการดำเนินการของบริษัทต่างประเทศ การใช้นโยบายการคลังที่ก่อหนี้สูง การทุจริตคอร์รัปชันในแวดวงราชการ องค์กรตรวจสอบถูกรับรองโดยวุฒิสภา การใช้ฝ่ายความมั่นคงครอบงำการบริหารราชการแผ่นดิน และทำให้ประเทศขาดรายได้จากการประมงหลายแสนล้านบาท
ทางด้านพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรค กล่าวเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวเพียง 2.6% ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาสมาชิกอาเซียน และย้ำถึง 5 ปัจจัยเสี่ยงที่พรรคเพื่อไทยเตือนว่าเริ่มเป็นปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหนึ้เสียในภาคธนาคาร เศรษฐกิจโลกที่ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ปัญหาการขึ้นดอกเบี้ยซึ่งเพิ่มภาระให้ทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ปัญหาเงินเฟ้อที่ยังพุ่ง และปัญหาราคาพลังงานของไทยที่สูง
รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า หากปล่อยให้รัฐบาลบริหารต่อไป เศรษฐกิจไทยจะทรุดลงอีก จึงถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนการบริหาร รวมถึงนโยบายทั้งหมดเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้