Skip to main content

ไม่ต้องรู้สึกล้มเหลวอีกต่อไป หากยังมีหนังสืออีกหลายเล่มกองไว้ไม่ได้อ่าน นักสถิติระบุคนที่มีหนังสือทิ้งไว้บนหิ้งแล้วยังไม่อ่านมีแนวโน้มอยากเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา

เคยซื้อหนังสือมาแล้วไม่ได้อ่านไหม เข้าร้านหนังสือทีไรต้องเสียเงินซื้อหนังสือกลับบ้านทุกที และปัญหาคือ ปริมาณหนังสือที่ซื้อไว้กับเวลาว่างสำหรับอ่านนั้นไม่สมดุลกัน จนเกิดเป็นความผิดเกาะกินใจผู้ซื้อ

แต่คุณอาจไม่ต้องรู้สึกผิดอีกแล้วเมื่อได้รู้ถึงประโยชน์ของการซื้อหนังสือมาแล้วไม่ได้อ่านนี้ โดยนาสซิม นิโคลัส ทาเลบ นักสถิติ กล่าวไว้ว่า คนที่ซื้อหนังสือมาแล้วยังไม่ได้อ่าน เรียกว่า 'Anti-library' และเขายังเชื่ออีกว่า พฤติกรรมนี้ไม่ใช่สัญญาณของความล้มเหลวทางปัญญา แต่กลับให้ผลตรงกันข้ามมากกว่า 

ทาเลบ นำเสนอแนวคิดเรื่อง 'Anti-library' ไว้ในหนังสือของเขาเรื่อง The Black Swan: The Impact of the Separated Improbable ว่า คนที่ซื้อหนังสือมาแล้วยังไม่ได้อ่าน หรือยังวางทิ้งไว้บนชั้นหนังสือเฉยๆ มักเป็นคนถ่อมตัว คิดว่าต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ และอยากเรียนรู้อยู่ตลอด เรียกว่า "ความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา" ส่วนผู้ที่ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ว่านี้ คือคนที่ไม่อยากซื้อหนังสือใหม่ๆ มาเพิ่มบนชั้นวางแล้ว หรือไม่ก็เป็นพวกไม่ค่อยเข้าห้องสมุดเลย เพราะพวกเขามักคิดว่าพวกเขาอ่านหนังสือมากพอแล้ว และไม่คิดจะหาเพิ่มเติมอีก หรือเรียกอีกอย่างว่ามีอีโก้ 

และยังมีผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า เด็กที่เติบโตมาในบ้านที่มีหนังสือ 80-350 เล่ม จะแสดงให้เห็นถึงทักษะการรู้หนังสือ, ทักษะการคิดเลข, ทักษะด้านเทคโนโลยี และการสื่อสารข้อมูลเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ โดยนักวิจัยแนะนำว่า ควรให้เด็กได้อ่านเป็นกิจวัตรประจำวัน นอกจากการอ่านจะช่วยเพิ่มพูนความรู้แล้ว ยังช่วยลดความเครียดและส่งเสริมการเข้าสังคมได้อีกด้วย

หรือกล่าวโดยสรุปได้ว่า หนังสือที่อ่านแล้วจะทำให้เห็นว่า นี่คือสิ่งที่รู้แล้ว และจะไปเพิ่มอีโก้ให้สูงขึ้น ขณะที่หนังสือที่ยังไม่อ่าน ยิ่งมีมากเท่าไหร่จะทำให้รู้ว่า ยังมีเรื่องราวที่ยังไม่รู้อีกมาก ทำให้เรากลายเป็นคนถ่อมตน และอยากเรียนรู้อยู่เสมอ

The value of owning more books than you can read