Skip to main content

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญญัติงบประมาณรายจ่ายยประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วาระสองต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ภาพรวมเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากเวลาผ่านไป 4 ชั่วโมงผ่านการพิจารณาไปได้เพียง 2 มาตรา คืองบประมาณของกระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ ขณะที่ภาพรวมในการอภิปรายเน้นการท้วงติงเรื่องการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เหมาะสม พร้อมตั้งข้อสังเกตการทำงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ อาทิ ในมาตรา 9 งบประมาณของกระทรวงการคลัง และหน่วยงานในกำกับ ที่มติ กมธ.เสียงข้างมาก ปรับลดวงเงินให้เหลือ 10,421 ล้านบาท

ส่วนการอภิปรายที่น่าสนใจ อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.พรรคประชาชาติ ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย ขอปรับลด 6% หรือ 629 ล้านบาทโดยให้เหตุผลว่ามีความเป็นห่วงกระทรวงการคลังไม่ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บภาษี และปล่อยให้การจัดเก็บภาษีอยู่ในความรับผิดชอบของ 3 หน่วยงานจัดเก็บที่ผู้รับผิดชอบ ซึ่งอาจขาดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินการ พร้อมเสนอแนะให้กระทรวงการคลังเน้นการจัดเก็บภาษีที่เน้นลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะปรับปรุงการจัดเก็บภาษีของกลุ่มบุคคลที่มีฐานะดี ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดกรณีที่มีผู้มีฐานะดีปลูกกล้วยกลางเมืองหลวงแล้วกระทรวงการคลังวินิจฉัยว่ามีการทำการเกษตรแล้ว 

“สำหรับนโยบายรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะการจัดเก็บค่าไฟปัจจุบันที่ขึ้นค่าไฟเป็นการผลักภาระให้ประชาชน ขณะเดียวกันสะท้อนว่าการประมูลผ่านกรมบัญชีกลางกลายเป็นสนามฮั้วประมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเพราะมีผู้ได้รายชื่อของการประมูลไปก่อนทำให้เกิดการประมูลที่มีราคาใกล้เคียงกับราคากลาง ที่ตั้งไว้” พ.ต.อ.ทวี อภิปราย

ส่วนประเด็นอภิปรายซึ่งคาบเกี่ยวกับประเด็นการเมือง อาทิ อุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ทักท้วงการใช้งบประมาณของกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน เพราะพบว่าการช่วยเหลือดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบันมียอดคนจนเพิ่มมากขึ้น และหากปีหน้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะเผาบัตรคนจนทิ้งทั้งหมด เพราะคนจนจะรวยแบบเสมอภาค การบริหารจัดการของรัฐบาลกู้อย่างเดียว ถือว่าหย่อนสมรรถภาพทางสมอง ก่อนหน้านี้คนมีรถป้ายแดง มีบ้าน แต่ปัจจุบันบ้าน รถโดนยึด รัฐบาลสร้างคนจน 15 ล้านคน ขอไว้อาลัยให้กับรัฐบาลเผด็จการ

ขณะที่มาตรา 10 กระทรวงการต่างประเทศ กมธ.ไม่มีการแก้ไข คงวงเงินที่จัดสรร 3,763 ล้านบาท ภาพรวมของการอภิปราย สมาชิกได้เสนอความเห็นต่อการจัดสรรงบประมาณที่เน้นภารกิจการจัดประชุมสุดยอดผู้ทำเศรษฐกิจ (เอเปค) ที่กระทรวงการต่างประเทศว่า ควรทำให้เต็มที่และเชิญผู้นำของแต่ละประเทศเข้ามาร่วมให้มากที่สุด