ในการอภิปรายทั่วไปลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายนโยบายการใช้กัญชาเสรี ของอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า กัญชาเสรียังไม่มีกฎหมายควบคุมชัดเจน ยังไม่สามารถปล่อยให้ประชาชนใช้กัญชาเองได้ แม้แต่ยาในแพทย์แผนปัจจุบันยังมีทั้งคุณและโทษหากใช้ยาไม่ถูกต้อง ที่สำคัญประเทศอื่นกัญชายังถือเป็นยาเสพติดหากส่งออกจะโดนจับทันที ทั้งนี้ยังมองว่านโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ถูกต้องตามหลักสากล และการประกาศว่ากัญชาจะดึงการท่องเที่ยว จะได้แต่คนสูบกัญชาเข้ามาเที่ยว เดิมที่นักท่องเที่ยวมาเป็นครอบครัวอาจจะหายไป การทำกัญชาเพื่อการแพทย์เราไม่ขัดแต่ต้องทำให้ชัด กำหนดพื้นที่ให้ชัดเจน ไม่ควรให้ใช้กัญชาได้ทั้งประเทศ
“วันนี้ไม่มีกฎหมายใดห้ามเสพ มีแต่ห้ามเสพในที่สาธารณะ แสดงว่าเสพในบ้าน หรือเสพในคอนโดได้ใช่หรือไม่ เป็นปัญหาว่าจะห้ามได้หรือไม่ ถ้าวันนี้ปล่อยเสพกัญชาเสรีที่บ้าน นอกจากนั้นไม่พอวันนี้ รู้หรือไม่ ยาบ้าเต็มบ้านเต็มเมืองแก้ไม่ได้ แต่เอากัญชามาลงอีก วันนี้ถ้ากระบวนการยุติธรรมอ่อนแอ สถาบันครอบครัวอ่อนแอ เอากัญชาไปไว้ในครอบครัว แม่จะต้มกิน ส่วนพ่อกับลูกชาย ก็สูบกัน ตาหวานลงบ้านเลย นี่คือสิ่งที่เป็นห่วง” สุทิน กล่าว
สุทิน กล่าวว่า ขณะที่ต่างชาติ เช่น จีน สิงคโปร์ เตือนว่าให้ระวังกัญชา ภาพพจน์ประเทศพังแล้ว หากคนประเทศไทยเดินทางไปต่างประเทศ หากกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดขัดกฎหมายโลก ว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่ข้อเท็จจริงแล้วสารในกัญชาไม่ได้หายไป พอมีกฎหมายประกาศใช้ เคยเสพก็ติดเหมือนเดิม มีแต่โทษที่หายไป ยาเสพติดยังเป็นยาเสพติด เพียงแต่กฎหมายไม่เอาผิด แล้วที่ทำมาทั้งหมด ละเมิดกฎหมายโลก ละเมิดรัฐธรรมนูญไทย ออก ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกินเลยที่สภาอนุมัติ จนถึงวันนี้ตำรวจมองตาปริบๆ เพราะไม่รู้จะทำตามกฎหมายอย่างไร
“ท่านมีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง เพราะหาเสียงไว้ นายกรัฐมนตรีก็ทำเพื่อการเมืองเพราะอยากอยู่ต่อเท่านั้น ยอมทุกอย่างไม่คำนึงถึงชีวิตเยาวชน คิดว่าถ้าพรรคการเมืองพรรคนี้ถอนตัวฉันจะเจ๊ง นึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองหรือไม่ ที่ผ่านมามีข่าวระบุว่ามี บริษัทยักษ์ใหญ่ไปทำกัญชาที่ลาว จากธุรกิจเหล็ก หันมาทำธุรกิจกัญชง แทนธุรกิจเหล็ก ถามว่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่” สุทิน กล่าว
สุทิน กล่าวว่า ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์เขาจำกัดการขายเป็นบางร้าน ขณะที่อเมริกาจำกัดกัญชาเสรีเป็นบางรัฐ แต่ประเทศไทยเสรีทั้งประเทศ จึงอยากฝากว่าหากเสรีทั้งแผ่นดินจริงๆ ต้องควบคุมให้ดี ขอย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้านกัญชานโยบาย แต่ต้องอยู่ในกรอบการวิจัย ไม่ขัดกฎโลก มีทางที่จะทำได้โดยไม่มีผลกระทบ จึงเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถไว้วางใจนายอนุทิน และนายกรัฐมนตรี
ห่วงเด็กและเยาวชนไม่ปลอดภัย-รมต.ทำให้เกิดช่องว่างทางกฎหมาย
ด้าน นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า กฎหมายกัญชาเสรี เพื่อใคร โดยข้อมูลทางการแพทย์หลายชิ้น ยังไม่ได้ชี้ชัดว่ากัญชาสามารถรักษาได้ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมามีหลายองค์กรทางการแพทย์ออกประกาศเรื่องกัญชาว่าการใช้กัญชาทำได้อย่างไรบ้าง และห้ามใช้เป็นยาที่รักษาลำดับแรก ต้องใช้ในกรณีที่ยาปกติใช้ไม่ได้ และที่ผ่านมามีข้อมูลว่ามีเด็กและเยาวชนพบว่าป่วยจากกัญชาเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงน่าเป็นห่วงการเข้าถึงของเยาวชน พรรคก้าวไกลย้ำว่าไม่ได้ต่อต้านกัญชาทางการแพทย์ แต่ขอให้มีกระบวนการรัดกุมปกป้องผู้ที่ไม่ควรเสพกัญชา
นพ.วาโย กล่าวว่า กัญชาเป็นยาเสพติดตั้งแต่ในอดีต แต่เมื่อปี 2562 เริ่มปลดล็อคเรื่องกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งมีมาก่อนที่อนุทินเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ปัญหายังไม่มากเท่ากับการปลดล็อกในเดือนมิถุนายน 2565 ที่ระบุว่ากัญชาไม่ผิดกฎหมาย ทำให้เกิดสูญญากาศการบังคับใช้กฎหมาย แม้จะออกประกาศตามมา แต่เป็นประกาศแก้เก้อ เพราะไม่สามารถควบคุมทางกฎหมายได้ และจะเห็นว่าระเบียบที่ออกมา และดูจากการขออนุญาตปลูกเอื้อเฉพาะรายใหญ่หรือไม่ ไม่ได้เอื้อให้กับประชาชน
นพ.วาโย กล่าวว่า กฎหมายควบคุมกัญชากัญชง อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่จากไทม์ไลน์การส่งกฎหมายให้สภาพิจารณามีความล่าช้าไม่ทันการพิจารณาในสมัยประชุมสภาที่แล้ว ทำให้เกิดการล่าช้าในการออกกฎหมายควบคุมเป็นสูญญากาศทางกฎหมาย ทั้งที่มีแนวทางที่จะทำให้มีการควบคุมได้ แต่ทำไมถึงไม่ทำ และที่ผ่านมาการนำกัญชาไปใส่ในอาหารต่างๆ ถามว่าเป็นการใช้กัญชาทางการแพทย์หรือไม่
“นายอนุทิน ส่งเสริมการผลิตกัญชา โดยอ้างว่าเพื่อรองรับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ โดยผูกให้วิสาหกิจชุมชน 1 แห่งทำร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 1 แห่งเท่านั้น และให้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นผู้รับซื้อ แต่สุดท้าย อย. ไม่ได้รับซื้อในจำนวนที่คาดไว้ เพราะหมอไม่ใช้ นักวิจัยไม่เขียนโครงการ จึงต้องหาช่องทางปล่อยของ” นพ.วาโย กล่าว
นพ.วาโย นำเอกสารสรุปผลการตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2564 ในประเด็นกัญชาทางการแพทย์ ที่ชี้ให้เห็นความพยายามจะเพิ่มดีมานด์กัญชาเพื่อการแพทย์ เพราะมีการตั้งเกณฑ์เป้าหมายในการจัดตั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในแต่ละปี โดยภายในปี 2567 โรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) และสังกัดกรมวิชาการจะต้องมีคลินิกกัญชาทั้งหมด และสถานพยาบาลเอกชนจะต้องมีคลินิกกัญชาเขตสุขภาพละ 10 แห่ง
นพ. วาโย ย้ำว่า พรรคก้าวไกลสนับสนุนการปลดล็อกกัญชาทั้งทางการแพทย์และเพื่อสันทนาการ แต่จำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างเหมาะสม เพราะแม้กัญชาจะมีประโยชน์ในการรักษาบางโรค แต่ก็มีหลักฐานยืนยันโทษของกัญชาเช่นกัน โดยเฉพาะกับพัฒนาการของเด็กและเยาวชนทำให้พรรคก้าวไกล ไม่สามารถลงมติไว้วางใจได้