Skip to main content

หลังกัญชาและกัญชงถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด ประเภท 5 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ไม่มีกฎหมายควบคุม เรื่องจากร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง และร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์กัญชา กัญชง ยังอยู่ในการพิจารณาของกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร หลายคนเริ่มเกิดความสงสัยว่า อะไรที่ทำได้ และไม่ได้ หรือการใช้กัญชาให้ปลอดภัยต้องทำอย่างไร?

The Opener พูดคุยกับ ‘คิตตี้ - ช่อขวัญ ช่อผกา’ เจ้าของแบรนด์ช่อผกาและผู้ผลักดันกัญชาถูกกฎหมาย เธอบอกว่า มันคือเสรีแบบมหาเสรี เทียบกัญชาได้กับพริก กับขิง ใครจะปลูก ใครจะขาย ใครจะเอาไปวางแผงที่ตลาด ใครจะซื้อ ใครจะครอบครองปริมาณไม่ได้มีการจำกัด รวมไปถึงอายุของคนที่จะซื้อหรือคนที่จะสามารถเข้าถึงได้ เสรีจนถึงขนาดตัวเองยังช็อค และเกิดความสับสนรวมถึงกระแสมากมาย จนในวันที่ 16 มิถุนายน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามในกฎกระทรวงเพื่อควบคุมไม่ให้จำหน่ายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี, สตรีมีครรภ์, สตรีที่ให้นมบุตร, หรือจำหน่ายให้ไปสูบในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีโทษปรับ 25,000 บาท จำคุกได้ถึง 3 เดือนหรือทั้งจำทั้งปรับ

ช่อขวัญ มองว่า ในอนาคต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะออกกฎในลักษณะนี้มาควบคุมดูแลเรื่อยๆ เช่น กระทรวงเกษตจรและสหกรณ์ดูแลการเพาะปลูก, โรงงานยาสูบดูแลเรื่องวัสดุในการสูบ, หรือ อย. ควบคุมเรื่องการผลิตเป็นอาหารเพื่อจำหน่ายเป็นต้น ซึ่งตอนนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายกัญชากัญชงแล้วก็ได้ อาจจะเป็นการควบคุมดูแลตามกลไกของสังคม 

แม้ว่าการออกกฎที่ไม่ชัดเจน ช่องว่างทางกฎหมาย และอื่นๆ จะส่งผลเสียของผู้ประกอบธุรกิจแบบเธอ ที่ไม่สามารถวางแผนระยะยาวได้ แต่ข้อดีอย่างหนึ่งคือทำให้เห็นว่า 7 วันที่ไม่มีกฎอะไรมาควบคุม บ้านเมืองก็ยังปกติอยู่ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากกัญชาโดยตรง และผู้ใช้ ผู้จำหน่าย ก็มีมารยาท มีความรับผิดชอบ ดูแลกันเองได้ ซึ่งมันสะท้อนว่าถ้ารัฐลองให้ประชาชนได้มีความรับผิดชอบในตัวเอง ในอนาคต การพนัน หรือการค้าบริการทางเพศ ก็อาจจะขึ้นมาอยู่บนดินได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะจะได้รับการควบคุมดูแลจากรัฐ แม้จะต้องเสียภาษี แต่เราก็มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย และกลไกการตลาดจะเข้าไปกำกับดูแลมันเอง ไม่ใช่ต้องเสียต้นทุนให้กับการซื้อขายใต้ดินที่ผู้บริโภคและรัฐต่างเสียประโยชน์

“เราต้องมองข้อดี รัฐนี้บอกได้เลยว่าแบบมองแต่ข้อร้ายเดี๋ยวเราจะซึมเศร้า กัญชาก็เอาไม่อยู่ ไม่หัวเราะ เราก็ต้องร้องไห้” ช่อขวัญ กล่าวติดตลก

เสรีกัญชาเพื่อกัญชาหรือการเมือง?

“การที่กัญชา กัญชงมันถูกกฎหมายมา การที่พอมันไปอยู่ในปากของรัฐบาลปุ๊บ พอมันเป็นการแพทย์ปุ๊บมันก็จะเป็นผู้ดีเดี๋ยวนั้นเลย พอเป็นสันทนาการปุ๊บ มึงกลายเป็นขี้ยา” ช่อขวัญ กล่าวนำ

เธอ อธิบายว่า จริงๆ แล้วสันทนาการ มันหมายถึงไม่ใช่แค่ใช้ในการผ่อนคลาย มันหมายถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มันไม่ใช่การแพทย์ อย่างเช่น น้ำ หรือของยิบย่อยจิปาถะ และถ้ามันไม่เข้าถึงในการใช้ได้อุตสาหกรรมกัญชา เม็ดเงินจะเขาบอกว่าจะทำให้คนหายการยากจนก็จะไม่เกิด เพราะทุกวันนี้กัญชาทางการแพทย์ก็มีบริษัทที่เข้ามาทำจุดสุดทางแล้ว

ขณะเดียวกัน ช่อขวัญ ตั้งสมมติฐานว่า หลายบริษัทที่เริ่มมาประมาณปี 2019 เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์หรืออุตสาหกรรมกัญชง ไม่สามารถขยายตัวไปเป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) ได้ เพราะสิ่งที่พวกเขาทำยังผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะเป็นแรงผลักดันหนึ่งให้นำกัญชากัญชงออกจากยาเสพติดให้โทษ

หากมองกลับไปที่คนตัวเล็ก เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนที่ลงทุนทั้งเงิน แรง และเวลาไปก่อนหน้านี้ เพื่อขอในอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข และต้องทำสัญญามอบช่อดอกให้โรงพยาบาลแทนที่จะขายได้รายได้ดี พอมีการเปิดเสรีกัญชา ที่ให้ใครปลูก หรือขายอะไร ให้กับใครก็ได้ คนที่เสียเปรียบกลายเป็นคนที่ลงทุนไปแล้วจำนวนมากกว่าจะได้มาตรฐานและขอใบอนุญาต ตอนนี้คนเหล่านี้ถือว่าขาดทุนเพราะมาแข่งขันกับคนที่ขายแบบไม่มีต้นทุนตอนนี้ไม่ได้ แต่ไม่มีใครแคร์ รัฐบาลยังไปเปิดงาน เดินสายหาเสียงจากนโยบายเสรีกัญชา

“เรื่องกัญชาไม่ได้เกี่ยวกับผู้ใช้ ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ปลูก ไม่ได้เกี่ยวกับชาวบ้าน ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรเลย ยกเว้นการเมือง” ช่อขวัญ กล่าว

‘กัญชา’ ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย?

ช่อขวัญแนะนำว่า คนมือใหม่ที่ไม่เคยใช้กัญชามาก่อน ควรเริ่มจากการดื่มชา เอาช่อดอกบดมาใส่น้ำร้อนปิดฝาไว้ประมาณ 5 นาทีเพื่อให้น้ำมันมันออกมา ซึ่งความร้อนจากน้ำจะทำให้ฤทธิ์ของกัญชาไม่แรงมาก ซึ่งปริมาณการใช้ก็สามารถปรึกษาจากผู้ขายได้

ขณะที่คนที่เคยมีประสบการณ์บ้างแล้ว แต่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญ ให้เริ่มจากการสูบก่อน เพราะการสูบจะทำให้ร่างกายได้รับสารประมาณ 40% และหายใจออกไป 60% และเห็นผลเร็ว โดยลองสูบเข้าไปเก็บไว้ในคอประมาณ 3 วินาที ก่อนที่จะพ่นออกมา แล้วรอสัก 5 นาทีเพื่อให้ร่างกายได้รู้สึกและประเมินตัวเองว่าพอไหม ถ้ายังไม่พอก็อาจจะสูบอีกสักครั้งแล้วรอ 5 นาที ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน และความต้องการว่าประมาณไหน เช่น กำลังสนุก หรือต้องการพักผ่อนฟังเพลง หรือต้องการนอนหลับ

ส่วนการกินจะประเมินร่างกายยาก เพราะรับเข้าไป 100% แต่กว่าจะแสดงอาการอาจใช้เวลา 30-45 นาที บางคนไม่รู้ว่ามาหรือยังอาจจะกินเพิ่มไปอีก ซึ่งถ้ามันมากเกินไป เวลามันแสดงอาการอาจจะทรมาน และใช้เวลาเกือบ 8 ชั่วโมงกว่าจะหมดฤทธิ์ ซึ่งบางครั้งเขาใช้คำว่า ‘เหลือง’ คือเกินเขียว อาการแบบหลับตาแต่ยังรู้สึกหมุน ดังนั้นจึงไม่ค่อยแนะนำการกิน สำหรับการใช้ครั้งแรกๆ แต่ถ้าเรารู้ตัวเองแล้วจากการสูบ แล้วถ้าไม่ชอบการเผาไหม้ พ่นควัน ค่อยเปลี่ยบนไปกินตอนที่รู้ปริมาณที่พอดีแล้วก็ได้

ทั้งนี้ กัญชาแต่ละสายพันธุ์จะมีกลิ่นเฉพาะตัว ซึ่งกลิ่นเหล่านี้จะควบคุมอาการในร่างกาย เช่นอยากเคี้ยวอยากกิน, ง่วง, ดีดหรือสนุก เป็นต้น ซึ่งหากแบ่งง่ายๆ คือ กลิ่นเปรี้ยวจะให้ความรู้สึกสดชื่น สนุก กลิ่นหวานจะให้ความรู้สึกง่วง และแบบผสมที่จะให้ความรู้สึกมากน้อยตามสัดส่วน แต่เนื่องจากกัญชามีหลากหลายสายพันธุ์ อาจจะเริ่มจากการแบ่งออกเป็นหวาน กับเปรี้ยวก่อน ตามจุดประสงค์ที่จะใช้ แล้วค่อยเลือกตามกลิ่นที่ชอบจะทำให้มีสุนทรียะในการใช้มากขึ้น

ช่อขวัญ บอกว่า สำหรับเธอใช้เพื่อรักษาอาการไมเกรน บางคนอาจจะใช้เพื่อควบคุมอาการซึมเศร้า อาการเครียด หรือเพื่อผ่อนคลาย พักผ่อน ไม่ให้ตัวเองหมดไฟในการทำงาน แต่ทั้งนี้การใช้ต้องใช้อย่างมีสติ มีมารยาท และปลอดภัย แต่ที่สำคัญคือเราต้องให้ความรู้ เพราะหากเราไม่รู้มันจะเป็นอันตรายและเป็นความกลัวหรืออคติอย่างที่มีอยู่ทุกวันนี้

“ถ้าเรารู้ เราก็จะไม่กลัว คือตอนนี้มันเหมือนกับแบบว่าตรงหางตามันมืดๆ เรามองไม่เห็น มันมีอะไรอยู่ในนั้นหรือเปล่าวะ แต่พอถ้าเกิด เดินไปดู มันก็มืด แค่นั้นเอง” ช่อขวัญ กล่าว