Skip to main content

 

Libertus Machinus
 

 

การต่อต้านข้อเท็จจริงที่ยอมรับกันทั่วไปในวงวิชาการทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์มีอย่างต่อเนื่องในสารพัดเรื่อง  และใครจะนึกว่าโลกทุกวันนี้ จะมีการต่อต้านการฉีดวัคซันโรคที่เราไม่เคยได้ยินว่าใครเป็นนานแล้วอย่างโรค "หัด" จะกลับมาอีกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่อเมริกาเป็นแบบนี้ เพราะรัฐมนตรีสาธารณสุขอย่าง Robert F. Kennedy, Jr. เป็นนักต่อต้านวัคซีนตัวย

อย่างไรก็ดี "ภัยเงียบ" เกี่ยวกับการต่อต้านความรู้ทางการแพทย์ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องการต่อต้านวัคซีน และภัยเงียบในระยะยาวในปัจจุบัน คือ การต่อต้าน "ยาลดคอเลสเตอรอล" หรือยากลุ่ม Statin

ถ้าจะอธิบายง่ายๆ คนวัยกลางคนจำนวนมาก ที่เริ่มตรวจสุขภาพประจำปี ถ้าไปตรวจเลือดแล้วพบว่า "คอเลสเตอรอลสูง" ถ้าสูงนิดหน่อย หมออาจให้ลองปรับพฤติกรรมการกินก่อน แต่ถ้าสูงแบบสูงมากๆ ยังไงหมอก็จะจ่ายยาให้ โดยยาพื้นฐานสุดคือ ยากลุ่ม Statin โดยในไทย มันคือยา Simvastatin เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งราคาไม่แพงเลย ทั่วๆ ไปถ้าโดสเล็กสุดตกเม็ดละ 1 บาทเท่านั้น โดยต้องกินทุกวัน (เค้านิยมให้กินก่อนนอน เพราะมันออกฤทธิ์ดีสุดเวลานอน) ผลรวมๆ คือ ค่า LDL (ที่เค้าชอบเรียกว่า “ไขมันไม่ดี” ซึ่งจริงๆ มันคือโปรตีนที่นำพาคอเลสเตอรอลให้กระจายไปในร่างกาย) ในเลือดเราจะลดลง 

โดยทั่วไป เค้าจะพยายามปรับโดส ให้เลือดเรามี LDL ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม และนั่นคือมันเป็นการลดความเสี่ยงของ "โรคหลอดเลือดหัวใจ" และ "โรคหลอดเลือดสมอง" (ที่มักจะรู้จักในนาม "สโตรค") ได้อย่างมหาศาลในระยะยาว เพราะกลไกของยากลุ่ม Statin จะไปยับยั้งการผลิต LDL ของตับ (ใช่ครับ ตับเราผลิตคอเลสเตอรอล และจริงๆ มันคืออวัยวะที่มีหน้าที่ควบคุมระดับคอลเลสเตอรอลในร่างกาย) ทำให้ระดับ LDL ลดลง

ทั้งหมดนี้ เป็นข้อเท็จจริงพื้นๆ ตามตำราทางการแพทย์ ที่สนับสนุนด้วยผลวิจัยกว่า 20 ปี เพราะตั้งแต่ยากลุ่ม Statin หมดสิทธิบัตรในกลางทศวรรษ 2000 มันกลายเป็นทางออกที่คุ้มค่าในทางสาธารณสุขทั่วโลกในการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เพราะถ้าจะอธิบายง่ายๆ ก็คือ ถ้าคนเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองระดับที่ต้องผ่าตัด ต้นทุนค่าผ่าตัดยังไงคือหลักแสนบาท ซึ่งถ้าไม่นับความเสี่ยงในการเสียชีวิตและกลับมาใช้ชีวิตปกติไม่ได้ (ซึ่งมีเยอะ) ต้นทุนค่าพักฟื้น และความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมมันมีมหาศาล แต่ค่ายา Statin แบบที่หมดสิทธิบัตรแล้ว ต่อให้โดสใหญ่สุด กินไปตลอดชีวิตเลย ค่ายารวมกันยังไม่ถึง 50,000 บาท

ไอเดียทางสาธารณสุขทั่วโลก คือ ถ้าให้คนที่คอเลสเตอรอลสูงกินยาตัวนี้ไป โอกาสเป็น "โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง" จะลดน้อยลงเยอะ ดังนั้น มันเลยเป็นยาที่ถูกจ่ายเยอะที่สุดตัวหนึ่งในโลกยุคปัจจุบัน โดยสมัยยังมีสิทธิบัตร ยา Lipitor ที่เป็น Statin ของ Pfizer ก็ถือว่าเป็น "ยาที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของมนุษยชาติ" เลยด้วยซ้ำ

ในอดีตสมัยมีสิทธิบัตร ยาตัวนี้ยังแพงอยู่ ช่วงพีคๆ ในอเมริกาคือ เม็ดละเกิน 100 บาท มีแต่คนรวยเท่านั้นจะซื้อกินได้ แต่พอหมดสิทธิบัตร ยาตัวนี้ขายทั่วไปในโลกในราคาเม็ดละไม่เกิน 2-3 บาท หรือแผง 10 เม็ดขายกันไม่เกิน 20-30 บาท ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ในต้นทุนที่ต่ำ

โดยประวัติศาสตร์การแพทย์ นี่คือ "ยามหัศจรรย์" ตัวหนึ่งเลย ช่วยชีวิตคนเอาไว้มหาศาล เพราะอย่างที่หลายคนรู้ โรคที่คร่าชีวิตมนุษย์อันดับ 1 คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด และยาตัวนี้ช่วยป้องกันไม่ให้คนเป็นโรคพวกนี้ก่อนวัยอันสมควร

ที่ว่ามาทั้งหมด เป็นข้อเท็จจริงที่แวดวงแพทย์และวิทยาศาสตร์ยอมรับกันทั่วไปมายาวนาน อย่างไรก็ดี ถ้าเราเข้าไปใน TikTok เราจะเห็นการปั่นกระแสให้คนเกลียด Statin อย่างบ้าคลั่งมาก ทั้งการกล่าวหาว่า จริงๆ ผลวิจัยทั้งหมดเป็นเรื่องลวงโลกของบริษัทยาที่ต้องการจะฟันกำไรไปยาวๆ กับการสร้างยาที่คนต้องกินตลอดชีวิต ไปจนถึงการอ้างถึง "ผลข้างเคียง" ต่างๆ

จริงๆ พล็อตมันไม่ได้ต่างจากกระแสต้านวัคซีนเท่าไร คือก็อ้างว่า พวกบริษัทยาสร้างผลวิจัยปลอม และก็ขยายผล "ผลข้างเคียง" ที่เกิดกับ "บางคน" ให้มันเวอร์ไป ทั้งที่ยาตัวนี้คนทั่วโลกกว่า 200 ล้านคนกินเป็นประจำทุกวัน โดยส่วนใหญ่ก็ไม่มีผลข้างเคียง และตัวเลขนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมผู้สูงอายุ

แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ ทำไมคนพวกนี้ปั่นกระแสต่อต้านยา Statin? ทาง National Geographic อธิบายว่า คนกลุ่มใหญ่ที่ปั่นกระแสต่อต้าน Statin คือ พวกอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพที่สมาทานการกินอาหารที่เน้นเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น Keto Diet, Carnivore Diet หรือ Lion Diet โดยคนพวกนี้มีความเชื่อว่า "คาร์โบไฮเดรต" คือสิ่งชั่วร้าย อาหารของมนุษย์ตามธรรมชาติคือ เนื้อสัตว์ โดยระดับความหนักก็แตกต่างกัน ตั้งแต่ยังมีการกินพืชผักบ้าง ไปจนถึงบางสายที่สนับสนุนให้ไม่กินอะไรเลยนอกจากเนื้อสัตว์

แต่ผลรวมๆ เมื่อมนุษย์ทำแบบนี้ ค่า LDL จะสูง เนื่องจากรับไขมันอิ่มตัวที่แทรกอยู่ในเนื้อสัตว์เข้าไปเยอะ ดังนั้นช่วงยุคก่อนหน้านี้ เราก็จะเห็นบทความที่ออกมา "ปราม" การกินในแบบนี้เยอะมากว่า ไม่ว่ามันจะทำให้คุณลดน้ำหนักได้แค่ไหน แต่ในระยะยาวความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดมันจะเพิ่มขึ้นมหาศาล เพราะสุดท้ายร่างกายคุณไม่ได้เหมือนสัตว์ป่า สิงโตกินเนื้อสัตว์ล้วนๆ แต่ค่า LDL ไม่เกิน 20 มิลลิกรัม แต่ถ้าคุณทำแบบเดียวกัน ค่า LDL ทะลุ 100 มิลลิกรัมแน่นอน และเหตุผลมันก็ง่ายๆ คือ ร่างกายคุณและสิงโตมันมีกระบวนการเมตาบอลิซึมที่ต่างกัน มันวิวัฒนาการมาไม่เหมือนกัน ดังนั้นถึงกินอาหารเหมือนกัน แต่ผลกับร่างกายก็ไม่เหมือนกัน

แน่นอน เหล่า "อินฟลู" พวกนี้ก็สู้กลับ และพยายามจะพิสูจน์ว่าค่า LDL ในเลือดสูงมันไม่ได้อันตรายอย่างที่เค้าหลอกลวงกัน ซึ่งผลที่ตามมาในทางตรรกะก็คือ พวกนี้ก็ต้องพยายามบอกว่า "ยาลดคอเลสเตอรอล" หลักของมนุษยชาติอย่างยา Statin นั้นจริงๆ เป็นเรื่องลวงโลกที่บริษัทยาสร้างขึ้นมาเพื่อจะขายของ

โดยการยึดพื้นที่โซเชียลมีเดียของคนพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล่น เพราะเริ่มมีคนเชื่อจริงจังระดับที่หมอเริ่มบ่นว่า เวลาสั่งยา Statin ให้คนไข้ เริ่มมีคนไม่ยอมกิน เพราะเชื่อเรื่องราวพวกนี้

ทั้งหมดนี้ เราจะบอกว่ามันเป็นเรื่องตลกร้ายก็ได้ เพราะในอดีตก็อย่างที่เล่า Statin คือ ยาราคาแพงที่มีแต่คนรวยจะมีปัญญาซื้อกิน แต่ทุกวันนี้คือมันเป็นยาพื้นฐานที่ราคาถูกมากๆ แบบที่ไม่ต้องมีประกันสุขภาพก็ซื้อกินได้ แม้ว่าส่วนใหญ่ในโลกมันจะเป็นยาที่คัพเวอร์ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าในแต่ละประเทศ

มันกลายเป็นว่าในยุคที่คนทั่วโลกมีทางออกราคาถูกในการหลบเสี่ยงภาวะหลอดเลือดตีบและอุดตัน คนดันไปตั้งคำถามว่า ความรู้ที่สั่งสมมาเป็นสิบๆ ปี เป็นเรื่องลวงโลกไปหมด

แน่นอน เราจะมองว่านี่เป็นเรื่องตลกที่รอกระบวนการ "ธรรมชาติคัดสรรค์" ก็ได้ เพราะโรคพวกนี้ในแง่หนึ่งก็เป็น "โรคไม่ติดต่อ" ดังนั้น การที่คนไม่ยอมกิน Statin มันเลยต่างจากการที่คนไม่ยอมฉีดวัคซีน เพราะอันหลัง มันทำให้โรคที่หายไปแล้วระบาดได้ ส่วนอันแรก ใครไม่กินก็ล้มหมอนนอนเสื่อและอาจจากโลกไป "ก่อนวัยอันควร" กันไป

แต่อีกด้าน ถ้าไปถามครอบครัวของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เค้าอาจคิดอีกแบบหนึ่ง และก็ไม่แปลกที่ครอบครัวที่ต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียงเหล่านี้ จะมองว่าการเผยแพร่ความสงสัยในยา Statin มันเลวร้ายระดับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เพราะการเผยแพร่ความเชื่อแบบนี้มันอาจสร้าง "ผู้ป่วยติดเตียง" อีกเป็นหมื่นเป็นแสนคนในอนาคต เพียงเพราะคนเหล่านี้ไปฟัง TikTok และไม่ยอมกินยาที่โลกทางการแพทย์พิสูจน์แล้วพิสูจน์อีกว่ามันปลอดภัยและได้ผล


อ้างอิง
Why measles is resurging—and the rise of vaccine hesitancy, with Adam Ratner
History of Measles
Measles Cases and Outbreaks
Statin drugs are an Internet villain. Do they deserve it? 
Weekly Dose: Lipitor, the highest-selling drug of all time
How Statin Drugs Protect the Heart
  

อ่านบทความอื่นๆ ของผู้เขียน