Skip to main content

 

บทบรรณาธิการของ เดอะเจแปนไทม์ เผยถึงปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่งของญี่ปุ่นในปัจจุบัน ที่นอกเหนือไปจากเรื่องการลดลงของขนาดประชากรจากการเป็นสังคมสูงวัยขั้นสุดมายาวนาน และปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง ญี่ปุ่นยังกำลังเผชิญกับปัญหาพฤติกรรมการขาดเรียนอย่างต่อเนื่องของเด็กนักเรียนที่เพิ่มสูงขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

บทบรรณาธิการเผยว่า จำนวนของเด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่ขาดเรียนเป็นประจำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เด็กจำนวนมากมีพฤติกรรมที่ผิดไปจากปรกติและขาดแรงจูงใจที่จะไปโรงเรียน โดยในปีการศึกษา 2023 จำนวนของเด็กนักเรียนประถมและมัธยมต้นที่ขาดเรียนเป็นประจำ สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 340,000 คน และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 11

การสำรวจพบสาเหตุของการขาดเรียน โดยนักเรียนส่วนใหญ่ตอบว่า ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิตในโรงเรียน ตามมาด้วย รู้สึกกดดันหรือวิตกกังวลเมื่ออยู่ที่โรงเรียน และโรงเรียนทำให้เวลาของชีวิตย่ำแย่  

มีนักเรียนบางรายอยู่กับบ้านตลอดทั้งวัน โดยใช้เวลาไปกับการดูวิดีโอบนโทรศัพท์มือถือหรือไม่ก็เล่นเกมตลอดทั้งคืน และใช้เวลาช่วงกลางวันไปกับการนอนหลับ

ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังบังคับใช้กฎหมายใหม่เกี่ยวกับโอกาสด้านการศึกษา ซึ่งอนุญาตให้นักเรียนสามารถมีวิธีเรียนที่หลากหลายมากขึ้นภายนอกโรงเรียน กฎหมายดังกล่าวได้เพิ่มความกังวลให้กับสังคมญี่ปุ่นมากขึ้นถึงการที่เด็กๆ จะไม่บังคับตัวเองให้ไปโรงเรียน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการปิดโรงเรียนชั่วคราวในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19

บทความระบุว่า การปิดโรงเรียนชั่วคราวในช่วงโควิดระบาด อาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กจำนวนมากสูญเสียพฤติกรรมของการต้องไปโรงเรียนทุกวัน โดยจำนวนของเด็กนักเรียนประถม 1 ขาดเรียนเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเมื่อปี 2022 ซึ่งการขาดเรียนต่อเนื่อง หมายถึง การไม่เข้าเรียนตั้งแต่ 30 วันขึ้นไปต่อปี แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ สัดส่วนของนักเรียนที่ขาดเรียนเป็นประจำตั้งแต่ 90 วันขึ้นไป ยังคงอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 50

นอกจากนี้ ยังมีการระบุว่า การระบาดใหญ่ของโควิดเป็นสาเหตุให้เด็กจำนวนมากที่เข้าเรียนระดับชั้นประถมไม่ได้ไปโรงเรียน ทำให้เด็กๆ ขาดประสบการณ์การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ทำให้เด็กเหล่านี้ไม่คุ้นเคยกับชีวิตในโรงเรียน และเมื่อเด็กเคยไม่ต้องไปโรงเรียน ก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะไม่ไปเข้าเรียนในปีต่อๆ มาด้วย

บทความอ้างถึงการสำรวจกลุ่มเด็กนักเรียนว่า ยังมีการพบการบุลลี่และความรุนแรงในโรงเรียนที่สูงมากเป็นประวัติการณ์อีกด้วย โดยสถานการณ์อยู่ในขั้นร้ายแรง เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น 6 เท่าในรอบ 10 ปี

บทความย้ำว่า โรงเรียนต้องกระตือรือร้นมากขึ้นในการยอมรับว่ามีการบุลลี่และความรุนแรงขั้นร้ายแรงเกิดขึ้นในโรงเรียน และหากทางโรงเรียนรับมือกับปัญหานี้อย่างไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นการคุกคามชีวิตของนักเรียน

อย่างไรก็ดี โรงเรียนยังคงมีความสำคัญต่อเด็กนักเรียนในเรื่องของการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ นักเรียนที่มีบุคลิกหลากหลาย และเป็นการพัฒนาทักษะการเข้าสังคมและการอยู่ร่วมกับคนอื่น โดยหวังว่า ครอบครัวจะเป็นคนกลุ่มแรกในการสร้างนิสัยที่เป็นประจำให้เด็กๆ และโรงเรียนจะสร้างบรรยากาศให้กับเด็กๆ ที่ไม่คุ้นกับการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นให้มาโรงเรียน


ที่มา
School Non attendance Hits Record High: Downward Trend in Age, Longer Absences A Cause for Concern