Skip to main content

 

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์
อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)

 


ปลายเดือนกันยายนปีนี้ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO)  ประกาศอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกประจำปี 2024 โดยประเทศไทยขยับขึ้นมา 2 อันดับ จาก 43 เป็น 41 ดูเหมือนว่าเราใกล้จะเป็น Top 40 ชาตินวัตกรรมโลกเข้าไปทุกที

แต่ในฐานะที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับระบบนวัตกรรมไทย ผมมองว่า "ก้าวต่อไป" ของเราจะทำงานบนพื้นฐานกระบวนทัศน์แบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว เพราะสมรภูมินวัตกรรมโลกได้เปลี่ยนไป ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยกำลังเผชิญกับโจทย์การพัฒนาประเทศใหญ่ๆ 4 ประการ คือ

  1. ภาวะโลกร้อน: ที่ส่งผลกระทบรุนแรงขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฝุ่น PM2.5 น้ำท่วม ภัยแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้น
  2. การรวมศูนย์ความเจริญ: ที่กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่จังหวัด ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมา
  3. การขาดอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และแรงงานขาดทักษะ: ประเทศไทยยังเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีของต่างชาติ และยังไม่สามารถสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เป็นของตัวเองได้ อีกทั้งแรงงานไทยยังขาดการเตรียมพร้อมทักษะแห่งอนาคต เช่น ทักษะดิจิทัล ทักษะการคิดวิเคราะห์ และทักษะการแก้ปัญหา
  4. การพึ่งพา FDI มากเกินไป: ประเทศไทยยังมุ่งเน้นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ แต่การลงทุนด้านนวัตกรรมภายในประเทศยังมีน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากภาครัฐ

ทั้งหมดนี้ยิ่งตอกย้ำว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนา "ฐานรากของระบบนวัตกรรม" อย่างเร่งด่วน แล้ว "ฐานรากของระบบนวัตกรรม" คืออะไร? สำคัญอย่างไร?

ลองนึกภาพตามนะครับ...

ถ้าฐานรากแข็งแรง ก็เหมือนกับการสร้างบ้านบนพื้นดินที่มั่นคง บ้านก็จะแข็งแรง อยู่ได้นาน ไม่พังง่ายๆ แต่ถ้าฐานรากอ่อนแอ ก็เหมือนกับการสร้างบ้านบนดินทราย บ้านก็จะไม่มั่นคง อาจจะพังถล่มลงมาได้ง่ายๆ

"ฐานรากของระบบนวัตกรรม" ก็ประกอบไปด้วยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ครับ

  • กฎหมายที่ทันสมัยและเป็นธรรม: เปรียบเหมือน "เสาบ้าน" ที่ช่วยค้ำจุนระบบ เช่น กฎหมายที่คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายที่ส่งเสริมการลงทุน กฎหมายที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ เป็นต้น
  • โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง: เปรียบเหมือน "ถนน" ที่ช่วยให้การเดินทางสะดวก เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ระบบไฟฟ้าที่เสถียร เป็นต้น
  • การศึกษาที่เน้นพัฒนาคน: เปรียบเหมือน "ช่าง" ที่มีฝีมือ สร้างบ้านได้อย่างแข็งแรง เช่น การศึกษาที่เน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสร้างสรรค์ และการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัล
  • วัฒนธรรมที่ส่งเสริมนวัตกรรม: เปรียบเหมือน "บรรยากาศ" ในบ้านที่น่าอยู่ เช่น สังคมที่เปิดรับความคิดใหม่ๆ กล้าเสี่ยง กล้าลองผิดลองถูก และให้โอกาสคนรุ่นใหม่
  • เศรษฐกิจที่มั่นคง: เปรียบเหมือน "เงินทุน" ในการสร้างบ้าน เช่น เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย และเข้าถึงได้ง่าย

กลับมาที่ประเทศไทย "ฐานรากของระบบนวัตกรรม" ของเรายังมี "จุดบอด" สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะประเด็นเชิงโครงสร้างระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมาย สวัสดิการรายได้ และการพัฒนาทุนมนุษย์ โดยเฉพาะ "นักวิจัย" และ "นวัตกร" ซึ่งเป็น "หัวใจสำคัญ" ของระบบนิเวศนวัตกรรม

หากประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็น "ผู้นำนวัตกรรม" ในระดับภูมิภาค ต้อง "ร่วมมือกัน" "ปรับเปลี่ยน" และ "พัฒนา" ใน 6 ประเด็นหลัก ดังนี้

1.    "กระจาย" นวัตกรรมสู่ทุกระดับ: ต้อง "ลดความเหลื่อมล้ำ" กระจายความรู้ โอกาส และทรัพยากร ให้เข้าถึงผู้ประกอบการ Startup และชุมชน ในทุกระดับ ทั่วทุกภูมิภาค
2.    "ปลุกปั้น" ภาคเกษตรยุคใหม่: ต้อง "เร่งพัฒนา" นำเทคโนโลยี นวัตกรรม และ "AgTech" มาใช้ยกระดับภาคเกษตร เพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่า และพัฒนาอุตสาหกรรมบริการเกษตรยุคใหม่
3.    "บ่มเพาะ" SMEs และ Startup: ต้อง "สนับสนุน" SMEs และ Startup ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ เงินทุน การขยายธุรกิจ และการแข่งขันในตลาดโลก
4.    "สร้างแบรนด์ไทย" ให้ดังไกลทั่วโลก: ต้อง "พัฒนา" สินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ และขยายเครือข่ายธุรกิจในระดับสากล
5.    "ปลุกพลัง" นักลงทุน: ต้อง "ส่งเสริม" การลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม โดยเฉพาะธุรกิจ Deep Tech ที่มีความเสี่ยงสูง แต่มีศักยภาพในการเติบโตแบบก้าวกระโดด
6.    "ภาครัฐ" ต้อง "มีบทบาทสำคัญ": ต้อง "สร้างความต่อเนื่อง" กำหนดนโยบายที่ชัดเจน จัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม ทำงานแบบบูรณาการ และร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อน "ระบบนิเวศนวัตกรรม" อย่างยั่งยืน

การแก้ไข "จุดบอด" และ "เสริมสร้างจุดแข็ง" ใน 6 ประเด็นนี้ คือ "ภารกิจเร่งด่วน" ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน "ปรับเปลี่ยน" และ "พัฒนา" ฐานรากของระบบนวัตกรรมไทย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น "ผู้นำนวัตกรรม" ในระดับภูมิภาค และสร้าง "อนาคตที่ยั่งยืน" ให้กับประเทศ