ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับปัญหาประชากรสูงอายุและอัตราการเกิดต่ำ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก ปี 2022ญี่ปุ่นมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปคิดเป็น 29.1% ของประชากรทั้งหมด 124.4 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์และสูงที่สุดในโลก ขณะที่อัตราการเกิดของญี่ปุ่นก็อยู่ในระดับต่ำโดยในปี 2022 อยู่ที่ 1.26 คนต่อประชากร 1,000 คน
เพื่อรับมือกับปัญหาเหล่านี้ ญี่ปุ่นได้เริ่มผ่อนคลายกฎระเบียบการขอวีซ่าระยะยาว และเปิดรับความหลากหลายทางเชื้อชาติมากขึ้น ตัวอย่างเช่น รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขยายประเภทวีซ่าที่สามารถนำไปสู่การพำนักถาวร และอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติทำงานได้ในสาขาที่ขาดแคลนแรงงาน
ขณะที่เกาหลีใต้ซึ่งมีอัตราการเกิดต่ำเช่นกัน โดยอยู่ที่ 0.81 ในปี 2022 เกาหลีใต้มีนโยบายการเข้าเมืองที่เปิดกว้างมากกว่าญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เกาหลีก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการดึงดูดและรักษาผู้อพยพ เนื่องจากอุปสรรคทางภาษาและวัฒนธรรม
ชีวิตท่ามกลางความหลากหลายทางชาติพันธุ์
ถึงแม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่มีการประกาศรับผู้อพยพอย่างเปิดเผย แต่ก็ยอมรับแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศ ชาวญี่ปุ่นจึงต้องเผชิญหน้ากับความจริงใหม่ของการอยู่ร่วมกันกับผู้อพยพในชีวิตประจำวัน
จำนวนชาวต่างชาติที่ลงทะเบียนอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 3.2 ล้านคนในเดือนมิถุนายน ตามข้อมูลของสำนักงานบริการตรวจคนเข้าเมือง (ISA) กระทรวงยุติธรรม ณ วันที่ 15 ก.ย. มีชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 2.6 ของประชากรทั้งหมด
จำนวนผู้มีถิ่นพำนักถาวรในญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในเดือน มิ.ย. มีผู้มีถิ่นพำนักถาวรอยู่ราว 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.34 จากปีที่แล้ว ตามข้อมูลของ ISA เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีผู้มีถิ่นพำนักถาวรเพียง 176,107 คน (ผู้ถือวีซ่า F-5) หรือคิดเป็นร้อยละ 0.34 ของประชากรทั้งหมดในปี 2022 ชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและชาวเกาหลีเชื้อสายญี่ปุ่น ซึ่งยังคงได้รับสัญชาติญี่ปุ่นโดยการแปลงสัญชาติเฉลี่ยปีละ 8,000 คนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
บริบทของญี่ปุ่นในปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อน โดยปัจจุบันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นคนต่างชาติทำงานในร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารในโตเกียว อพาร์ตเมนต์บางแห่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง และมีร้านขายของชำนานาชาติที่ขายวัตถุดิบอาหารนำเข้า
ทาคาชิ โอชิมะ ผู้อยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งบอกว่า ตอนที่เธอย้ายมาในปี 2017 ยังมีร้านค้าขนาดเล็กหลายแห่งที่ดำเนินการโดยคนญี่ปุ่น เช่น ร้านอาหารและร้านขายของชำ แต่ปัจจุบันร้านค้าเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยเจ้าของชาวจีนทั้งหมด
ขณะที่รอบๆ อพาร์ตเมนต์ จะเมีการติดประกาศบนผนังถึงคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรีไซเคิลขยะ เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีน รวมถึงภาพแม่ชาวจีนพูดคุยกันเป็นภาษาจีน เด็กๆ ที่วิ่งเล่นพูดได้ทั้งภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น
ทาคาชิ โอชิมะ นักข่าวของหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรรวดเร็วมากขึ้น ชาวญี่ปุ่นกำลังมีอายุมากขึ้นและลดจำนวนลง
นอกจากนี้ ยังมีเความตึงเครียดระหว่างชาวญี่ปุ่นกับผู้อพยพที่มาใหม่ อันเนื่องจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม เช่น วิธีการรีไซเคิลขยะ หรือการใช้พื้นที่และส่งเสียงดังในพื้นที่สาธารณะเวลากลางคืนหลัง 3 ทุ่ม
ทาคาชิกล่าวว่า ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากรวมถึงตัวเขาเอง มีความรู้สึกที่หลากหลายเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันกับผู้เชื้อชาติอื่นๆ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดชาวต่างชาติบางคนไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่อย่างไรก็ตาม ชาวญี่ปุ่นต้องปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น
“หากชุมชนนี้ไม่มีผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติ อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ก็จะร้าง และไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ เช่นเดียวกับที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชนอื่นๆ ในญี่ปุ่น” ทาคาชิกล่าว
ญี่ปุ่นผ่อนคลายกฎหมายวีซ่าเพื่อดึงดูดแรงงานต่างชาติ
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงผ่อนคลายกฎระเบียบการขอวีซ่าเพื่อดึงดูดแรงงานต่างชาติมากขึ้น ในปี 1990 ญี่ปุ่นได้ผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้ลูกหลานของชาวญี่ปุ่น เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในบราซิล หรือชาวญี่ปุ่นเชื้อสายใดๆ และคู่สมรสสามารถขอวีซ่าได้
ตั้งแต่ปี 2019 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดตัวโปรแกรมวีซ่าแรงงานทักษะที่ระบุไว้ ซึ่งอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นได้อย่างไม่มีกำหนดหากปฏิบัติตามข้อกำหนดบางประการ โดยวีซ่าประเภทที่ 2 อนุญาตให้แรงงานต่างชาติสามารถอาศัยอยู่ได้นานเท่าที่ต้องการตราบใดที่ยังมีงานทำในสาขาเดียวกับที่ระบุในวีซ่า และแม้กระทั่งนำสมาชิกในครอบครัวมาอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มุ่งดึงดูดให้ชาวต่างชาติอยู่นานขึ้น
แรงงานที่ไม่มีทักษะสามารถขอวีซ่าฝึกอบรมในฐานะผู้ฝึกงานก่อน และเปลี่ยนเป็นวีซ่าแรงงานทักษะที่ระบุไว้ หลังจากทำงานเป็นเวลาสามปี การอัปเกรดจากวีซ่าประเภทที่ 1 เป็นประเภทที่ 2 ต้องใช้ประสบการณ์ห้าปีในสาขาเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับวีซ่าประเภทที่ 2 โดยมีเพียง 11 คนเท่านั้นที่ได้รับใบอนุญาตนั้น และสำหรับวีซ่าประเภทที่ 1 งานผู้ดูแลที่บ้านพักคนชราได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากที่สุด
ญี่ปุ่นยังใช้แนวทางที่ต่างกันในการรักษาแรงงานทักษะสูง หรือแรงงานปกขาว ตั้งแต่ปี 2012 มีการนำเสนอโปรแกรมสำหรับมืออาชีพที่มีทักษะสูง เพื่อให้ชาวต่างชาติได้รับสถานะผู้พำนักถาวรได้อย่างง่ายขึ้นภายในหนึ่งปี เดือน มี.ค. 2022 จำนวนผู้พำนักถาวรที่ได้รับสถานะผู้พำนักถาวรในฐานะอาชีพที่มีทักษะสูงอยู่ที่ 12,605 คน
ในปี 2022 มีผู้เชี่ยวชาญอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น 18,315 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นผู้พำนักถาวรได้หลังจากได้รับคะแนนเพิ่ม คะแนนดังกล่าวมาจากเกณฑ์ เช่น อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และวิชาชีพ เช่น หากผู้ถือวีซ่าผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงมีคะแนนมากกว่า 80 คะแนนและสามารถรักษาคะแนนนั้นไว้ได้เป็นเวลาหนึ่งปี จะสามารถขอสถานะผู้พำนักถาวรได้ นอกจากนี้ จำนวนคนที่ได้รับวีซ่าผู้ติดตามยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการปรับปรุงระบบวีซาแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นยังมีเป้าหมายที่จะสร้างผู้เชี่ยวชาญ 600 คนภายในปีหน้าเพื่อช่วยเหลือชาวต่างชาติ โดยเฉพาะแรงงานที่ไม่มีทักษะ ที่เผชิญปัญหาโดยการให้คำปรึกษาและการสนับสนุนอย่างรอบด้าน
นโยบายผ่อนคลายกฎระเบียบการขอวีซ่าของญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการดึงดูดแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคบางประการที่ชาวต่างชาติต้องเผชิญ เช่น ความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมญี่ปุ่นและความแตกต่างทางภาษา ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือชาวต่างชาติในการปรับตัวให้เข้ากับญี่ปุ่น