คอลัมนิสต์ เว็บไซต์ New Scientist อดีตผู้สื่อข่าวและนักเขียนสายวิทยาศาสตร์ บอกว่า ขณะนี้เริ่มมีพื้นที่ทางสังคมออนไลน์ใหม่ที่เป็นมิตร ไม่ยัดเยียดโฆษณา และไม่ถูกกำหนดจากอัลกอริทึม ออกแบบมาสำหรับกลุ่มเพื่อนขนาดเล็กที่ต้องการบรรยากาศที่ดีและมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันเกิดขึ้นแล้ว
แอนนาลี เนวิทซ์ ผู้สื่อข่าวและนักเขียนสายวิทยาศาสตร์ เขียนคอลัมน์ในเว็บไซต์ New Scientist บอกว่า หนึ่งในเรื่องที่น่าขันที่สุดของโลกศตวรรษที่ 21 คือ ทุกสิ่งที่เราคิดว่าเป็น “โซเชียลมีเดีย” แท้ที่จริงแล้วก็คือ “แมสมีเดีย” หรือสื่อมวลชนแบบเก่านี่เอง แต่ก็โชคดีที่ว่า เริ่มมีคนสามารถหาทางถอยห่างออกจากโซเชียลมีเดียได้แล้ว และละทิ้งโมเดลสื่อสังคมเหล่านี้ไว้เบื้องหลัง
แอนนาลีบอกว่า แมสมีเดีย เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงทศวรรษที่ 1920 หมายถึง วัฒนธรรมแบบประชานิยม หรือ “ป็อปคัลเจอร์” ที่เกิดขึ้นในยุคการผลิตแบบอุตสาหกรรม เช่น การพิมพ์หนังสือจำนวนมาก การผลิตภาพยนตร์ หรือรายการวิทยุ ซึ่งสร้างรูปแบบการคิดและมุมมองของการมีผู้ชมหรือผู้ฟังจำนวนหลายพันคน หรืออาจจะหลักล้านคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็จะได้อ่าน ชม หรือฟัง สื่อชิ้นเดียวกันในเวลาเดียวกัน ทั้งยังสามารถสร้างพื้นที่ขายโฆษณาสินค้า เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ไปสู่การรับรู้ของคนจำนวนมหาศาลได้พร้อมๆ กัน
เธอบอกว่า ในโลกยุคโซเชียลมีเดีย ทั้ง X เฟสบุ๊ก หรือ TikTok ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเข้าถึงมวลชนไปจากเดิม ถึงแม้ว่าจะสามารถกำหนดประชากรผู้ชมหรือผู้ฟังได้ แต่ก็ยังมุ่งความสำคัญที่ยอดผู้ชมหรือจำนวนผู้ติดตามอยู่ดี ซึ่งแอนนาลีบอกว่า เป็นเพราะรูปแบบวิธีคิดของเรายังคงเป็นแบบแมสมีเดียนั่นเอง โดยให้ดูจากคอนเทนต์ที่มีจำนวนผู้ชมเป็นหลักล้านนั้น เธอบอกว่า นั่นไม่ใช่ “โซเชียล” แต่มันคือ “แมส” เพียงแต่ใช้ชื่อที่ต่างจากเดิม
เธอตั้งคำถามที่น่าสนใจว่า แล้วถ้าเราสร้างสื่อที่เป็น “สื่อสังคม” จริงๆ ขึ้นมาล่ะ โดยที่ไม่ต้องมีเอไอเข้ามายุ่ง อาจเกิดสิ่งที่เรียกว่า “โคซีมีเดีย” ที่เป็นแอปหรือคอนเทนต์ที่ออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่อกันของกลุ่มเพื่อนกลุ่มเล็กๆ ในบรรยากาศที่เป็นมิตร โดยให้ลองนึกภาพการพบปะกันของกลุ่มเพื่อนที่มาเล่นไพ่ หรือมาถักไหมพรมอยู่ข้างเผาผิงไฟร่วมกัน
แอนนาลียกตัวอย่าง แอปสำหรับการแชร์รูปภาพที่ชื่อ Retro เธอบอกว่า มันต่างจากอินสตาแกรม เพราะตั้งใจให้ใช้งานเฉพาะกลุ่มเพื่อนขนาดเล็กที่ไว้ใจกัน ไม่มีอัลกอริทึมคอยยัดเยียดวิดีโอจากคนแปลกหน้าเข้ามาในฟีดของเรา รวมถึงไม่มีโฆษณาแทรก และยังสามารถเลือกพูดคุยกับคนที่ต้องการได้อย่างมีสติ ต่างจากแฟลตฟอร์ใหญ่ที่ต้องตะโกนดังๆ เพื่อให้อัลกอริทึมหันมาสนใจ
เธอบอกว่า เราอาจต้องการ โคซีมีเดีย เพื่อทำให้สงบและผ่อนคลายจากความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องการข่าวสารและการวิเคราะห์ด้วยเช่นกัน แต่ทว่าความไว้วางใจที่มีต่อสำนักข่าวต่างๆ ได้พังทลายไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา สื่อสารมวลชนอย่าง วอชิงตันโพสต์ นิวยอร์กไทม์ ที่เธอเคยทำงานด้วย หรือสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ ต่างถูกตัดลดงบประมาณและทรัพยากรต่างๆ ลง ซึ่งรวมไปถึงเสรีภาพในการทำงานของการบรรณาธิการข่าวด้วย
เธอบอกว่า โซเชียลมีเดีย มักจะทำให้เกิดการแยกตัวจากสังคมและรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ โคซีมีเดีย จะช่วยสร้างชุมชนและความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันขึ้นมาใหม่ ซึ่งเราอาจได้เป็นพยานรู้เห็นการกำเนิดขึ้นของระบบนิเวศข้อมูลข่าวสารใหม่นี้ ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้เราเข้าใจโลกใบนี้ได้อีกครั้ง
ที่มา
Social media is dead – here’s what comes next