Skip to main content

 

แจ็ค และ อาร์ดิธ เวเบอร์ คู่แต่งงานที่วัยล่วงเลย 80 ปีไปแล้ว แต่ทั้งคู่ยังคงทำงาน เนื่องจากมีความจำเป็นด้านการเงิน โดยแจ๊คทำงานในห้องสมุด ส่วนอาร์ดิธ ทำงานในหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุของชุมชน ทั้งสองให้สัมภาษณ์ว่า แม้ยังต้องทำงานหาเลี้ยงชีพในวัยขนาดนี้ แต่งานก็ช่วยทำให้ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตจากความโดดเดี่ยว

แจ็คในวัย 88 ปี ทำงานที่ห้องสมุดสาธารณะในรัฐเคนทักกี ส่วนอาร์ดิธ อายุ 83 ปี ทำงานเป็นผู้ช่วยของหน่วยแพทย์องค์กรช่วยเหลือผู้ยากไร้ แจ็คกับอาร์ดิธ เป็นคู่รักที่แต่งงานและอยู่ด้วยกันมานาน 65 ปีแล้ว

แจ๊คบอกว่า เขาทำงานที่ห้องสมุดสาธารณะของเมืองวันละ 2 ชั่วโมง ส่วนอาร์ดิธทำงานพาร์ทไทม์ 2 งาน รวมสัปดาห์ละไม่เกิน 26 ชั่วโมง

ทั้งสองเล่าว่า เหตุจำเป็นที่ยังต้องทำงาน เกิดจากในปี 2017 มีค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดคิดในการรื้อและทำพื้นบ้านซึ่งราคาแพงมาก ทั้งคู่บอกว่า โชคดีมากที่ได้เข้าอบรมกับ SCSEP ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาทักษะและช่วยหางานให้กับผู้สูงอายุ แต่ทว่า ตอนนี้โครงการดังกล่าวถูกตัดเงินสนับสนุนทั้งหมดโดยรัฐบาลกลางสหรัฐ

แจ็คบอกว่า ช่วงวัยหนุ่มเขาทำงานหลายอย่างเพื่อให้อยู่ได้ โดยงานที่เขาชอบมากที่สุดคือ งานที่แท่นพิมพ์ นอกจากนั้นก็ทำงานในโรงเพาะชำและงานในสวนที่รัฐวอชิงตัน เป็นคนขับรถบรรทุกในซีแอตเทิล และเป็นคนขับรถกวาดถนน

ส่วนอาร์ดิธ เริ่มต้นทำงานออกใบเรียกเก็บเงินในสำนักงานแห่งหนึ่งจนกระทั่งบริษัทย้ายออกไป เธอจึงมาทำงานในสถานดูแลคนชรา และหลังจากแต่งงานกับแจ็ค เธอทำงานที่สถานดูแลผู้สูงวัย ขณะที่แจ็คตัดสินใจกลับไปเรียนต่อจนได้วุฒิปริญญาตรีด้านที่ปรึกษาชีวิตและจิตวิญญาณจากวิทยาลัยคริสเตียนแห่งหนึ่ง

แจ็คและอาร์ดิธ เข้ารับการอบรมทักษะด้านดิจิทัลของ โครงการจ้างงานผู้สูงวัยเพื่อบริการชุมชน (SCSEP) ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1965 ซึ่งเป็นโครงการช่วยหางานให้กับผู้มีรายได้น้อยที่อายุ 55 ปีขึ้นไป แต่เดือนกรกฎาคม 2025 ภายใต้รัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ เงินสนับสนุนโครงการจำนวนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ถูกสั่งระงับ ทำให้ลูกจ้างของโครงการจำนวนมากต้องตกงาน ขณะที่คนอีกจำนวนมากซึ่งกำลังหางาน ต้องสูญเสียโอกาสเข้าถึงโครงการอบรมให้กับผู้สูงอายุเพียงหนึ่งเดียวของสหรัฐอเมริกาไป

ในปี 2000 แจ็คที่ล่วงเข้าสู่วัย 60 ปี และกำลังหางาน เข้าอบรมทักษะด้านคอมพิวเตอร์กับ SCSEP ที่มิชิแกน ซึ่งสอนทักษะต่างๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยที่เขาไม่เคยทำงานกับคอมพิวเตอร์มาก่อนเลย

หลังผ่านการอบรม แจ็คเริ่มงานในหน่วยงานบริการป่าไม้ของสหรัฐ คู่ไปกับการทำงานล้างรถยนต์และรถบรรทุก ต่อมา เขาย้ายไปอยู่ที่รัฐเคนทักกี และทำงานประสานงานในพื้นที่สันทนาการใน Land Between the Lakes National Recreation Area อยู่เกือบ 3 ปี จากนั้นก็มาเป็นคนขับรถโรงเรียนอยู่อีก 8 ปีครึ่ง  

ส่วนอาร์ดิธเข้าอบรบกับ  SCSEP หลังแจ็ค 1 ปี และทำงานที่หน่วยบริการป่าไม้ด้วยเช่นกัน ก่อนจะมาทำงานในร้านขายเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้ที่บกพร้องด้านการได้ยิน

ในปี 2019 แจ็คในวัย 80 ปีย้ายมาทำงานที่ห้องสมุดสาธารณะโลแกนเคาน์ตี้ เขาทำหน้าที่จัดทำดัชนีรายชื่อบุคคลในหนังสือบันทึกลงในคอมพิวเตอร์  เขาบอกว่า งานนี้ดีกว่าการปัดฝุ่นหนังสือบนชั้นในห้องสมุดเยอะ

แจ็คบอกว่า คนส่วนใหญ่คิดว่างานในห้องสมุดน่าเบื่อ แต่เขากลับรู้สึกดีที่ทำให้เขาไม่ต้องอยู่แต่ในบ้าน และรู้สึกสนุกกับงานที่ทำ เขาเล่าว่า มีคนที่มาห้องสมุดเพื่อขอช่วยให้ช่วยหาภาพเก่าของญาติผู้ใหญ่ในหนังสือรุ่น เพราะอยากรู้ว่าตอนอายุยังน้อยพวกท่านหน้าตาเป็นอย่างไร

ส่วนอาร์ดิธเล่าว่า ตอนที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังปัจจุบันที่เคนทักกี เธอไม่รู้จักใครเลย จนเธอเริ่มรู้สึกว่ามีปัญหาสุขภาพจิต จึงกลับไปเข้าโครงการของ  SCSEP ในปี 2020 ซึ่งทำให้เธอได้งานที่ศูนย์ของชุมชนและศูนย์ผู้สูงอายุ โดยทำงานที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำหรับผู้สูงอายุ และให้ความรู้ผู้สูงอายุเรื่องโครงการประกันสุขภาพของรัฐ รวมถึงการป้องกันตัวจากการถูกหลอกลวง

อาร์ดิธ ทำงานพาร์ตไทม์งานที่สองที่โครงการความช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสำหรับครอบครัวรายได้น้อย ซึ่งช่วยเหลือเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊สหุงต้มให้กับครอบครัวยากจน เธอบอกว่ามีคนหนุ่มสาวจำนวนมากมาขอรับความช่วยเหลือ ครอบครัวคนอายุน้อยเหล่านี้มีทั้งที่ยังหางานทำไม่ได้ หรือเป็นครอบครัวที่มีผู้พิการ ซึ่งราคาข้าวของที่แพงขึ้นมาก ทำให้รายได้ของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมใช้จ่ายทุกสิ่งอย่างที่จำเป็น

แจ็คบอกว่า เขาเคยทำงานที่ห้องสมุดวันละ 4 ชั่วโมง แต่ด้วยอาการโรคหัวใจทำให้เขาต้องถูกให้ออกจากงานระยะหนึ่ง แจ๊คพักฟื้นอยู่ที่บ้านราว 3 เดือน เขาบอกว่า การต้องอยู่แต่กับบ้านเกือบทำให้เขาเป็นบ้า เขาจึงขอให้คุณหมอให้ความชัดเจนเรื่องสุขภาพ และขอกลับไปทำงานที่ห้องสมุด โดยลดชั่วโมงทำงานลงเหลือวันละ 2 ชั่วโมง

ผู้อำนวยการห้องสมุดสาธารณะหยอกว่า แจ๊คสามารถทำงานต่อไปได้จนอายุครบ 100 ปีแล้วค่อยเกษียณ ส่วนอาร์ดิธบอกว่า เธอหวังว่าจะได้ทำงานต่อไป เพราะการต้องนั่งเฉยๆ ดูทีวีอยู่กับบ้านเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก เธอชอบที่จะอยู่กับผู้คน ซึ่งการที่ต้องอยู่คนเดียว ทำให้เธอมีปัญหาสุขภาพจิตอย่างแน่นอน ซึ่งเธอไม่เคยต้องการแบบนั้น


ที่มา
We're married and both still work in our 80s. We can't afford to retire, but it helps us get out of the house.