Skip to main content

 

โครงการทดลองแจกเงิน 50 ดอลลาร์ให้นักเรียนครอบครัวรายได้น้อยในสหรัฐ พบว่า ช่วยสร้างทักษะการวางแผนการใช้จ่ายและการออมเงินให้กับนักเรียนในระยะยาว และส่งผลให้ผลการเรียนดีขึ้น อัตราการเรียนจบสูงขึ้น

โครงการนำร่องทดลองมอบเงิน “50 ดอลลาร์” เป็นเวลา 40 สัปดาห์ให้กับนักเรียนในรัฐลุยเซียนา ที่เรียนใน Rooted School หรือโรงเรียนมัธยมปลายซึ่งเน้นหลักสูตรให้นักเรียนมีทักษะพร้อมทำงานหลังเรียนจบ นักวิจัยทดลองแจกเงินแบบสุ่มเพื่อศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมการออมเงินกับการใช้จ่าย โดยนักวิจัยต้องการหาคำตอบถึงวิธีที่จะปรับปรุงความสามารถทางการเงินและความตระหนักเกี่ยวกับการเงินของนักเรียน

ผลการศึกษาดังกล่าวเพิ่งเผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า นักเรียนที่ได้รับแจกเงินมีแนวโน้มที่จะมาโรงเรียนมากกว่านักเรียนที่ไม่ได้รับเงิน และมีทักษะการวางแผนการเงินที่ดีกว่า โดยมีการออมเงินในธนาคารหรือในผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ซึ่งเมื่อสิ้นสุดการทดลอง พบว่า นักเรียนที่ได้รับเงินมีค่าเฉลี่ยการออมอยู่ที่ 300 ดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ 15 ของเงินที่ได้รับ ซึ่งสูงกว่าอัตราการออมเงินคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า

“ลึกๆ แล้ว คนที่เป็นผู้ใหญ่มักไม่เชื่อใจคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อย ซึ่งความไม่เชื่อมั่นนั้นก่อความเสียหายให้กับพวกเขาเอง” โจนาธาน จอห์นสัน ซีอีโอมูลนิธิ Rooted School กล่าว

สตาเซีย เวสต์ รองศาสตราจารย์จาก มหาวิทยาลัยเทนเนสซี และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์วิจัยเพื่อการประกันรายได้ ซึ่งทำงานร่วมกับมูลนิธิ Rooted School บอกว่า เมื่อคนอายุน้อยๆ ได้รับโอกาสในการบริหารจัดการการเงินในสภาพที่ผลกระทบที่ตามมาอยู่ในระดับต่ำ พวกเขาจะสามารถสร้างนิสัยที่จะกำหนดสุขภาพทางการเงินของตัวเองได้ ซึ่งพฤติกรรมที่เห็นในระยะสั้นนั้น เป็นการวางรากฐานความสามารถด้านการเงินในระยะยาว

นักวิจัยในสหรัฐและแคนาดา ยังพบด้วยว่า การมอบเงินสดให้กับครอบครัวรายได้น้อย มีความเชื่อมโยงกับผลการเรียนที่ดีขึ้นและอัตราการการเรียนจบของนักเรียนที่เพิ่มขึ้น

ในเมืองนิวออร์ลีนส์ นักเรียนราว 4 ใน 5 ของ Rooted students มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด ครอบครัวจำนวนมากเผชิญความยากลำบากเกี่ยวกับเรื่องการเรียนของลูกๆ เด็กนักเรียนบางรายไม่เข้าเรียนเพราะต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน บางคนต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง

ในการทดลองเริ่มต้นจากนักเรียน 20 คน โดยครึ่งหนึ่งได้รับเงิน 50 ดอลลาร์ และพบว่า กลุ่มนักเรียนที่ได้รับเงินมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ครอบครัวสามารถจ่ายค่าเช่าบ้านหรือซื้อหาสิ่งจำเป็นได้ง่ายขึ้น ขณะที่เด็กนักเรียนเองยังได้ทักษะการตั้งเป้าหมายทางด้านการเงินของตัวเอง

จากโครงการนำร่อง Rooted students ได้ขยายการทดลองไปยังมหาวิทยาลัยอินเดียแนโพลิส และโรงเรียนมัธยมหลายแห่งในเมืองนิวออร์ลีนส์ โดยทีมวิจัยทำการเก็บข้อมูลจากนักเรียนและนักศึกษาที่ได้รับเงินจำนวน 170 คน และอีก 210 คนที่ไม่ได้รับเงิน

การศึกษาพบว่า นักเรียนที่ได้รับแจกเงินมีจำนวนวันที่เข้าเรียนสูงกว่ากลุ่มนักเรียนที่ไม่ได้รับแจกเงิน 1.23 วัน และเงินที่ได้รับเกือบครึ่งถูกใช้ไปกับสิ่งที่จำเป็น เช่น เรื่องอาหาร และของใช้ประจำวันต่างๆ โดยที่ร้อยละ 70 ของนักเรียนที่ได้รับเงินได้กินอาหารในปริมาณที่ทำให้อิ่มท้อง

แต่ก็มีนักเรียนบางคนที่ได้รับเงิน และนำไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนหมดไปอย่างรวดเร็วกับการซื้อของไม่จำเป็นจากร้านค้าบน TikTok อย่างเช่น โปสเตอร์ต่างๆ และของไร้สาระอื่นๆ

ต่อมา การทดลองนี้ได้ขยายไปยังเมืองอื่นๆ เช่น วอชิงตันดีซี และในรัฐเท็กซัส ซึ่งผลการศึกษาเผยว่า การให้เงินจำนวนไม่มากสามารถสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของคนในช่วงวัยรุ่นได้

เดือนมกราคม 2024 ทางเมืองนิวออร์ลีนส์ เติมเงินจำนวน 1 ล้านดอลลาร์เพื่อขยายการทดลองออกไป ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งจากเงินจากกองทุนช่วยเหลือของรัฐบาลกลางในช่วงการระบาดของโควิด ซึ่งเป็นช่วงที่เมืองมีอัตราการเกิดอาชญากรรมพุ่งสูง และด้วยความไม่ปลอดภัยนี้เองทำให้มีการกระตุ้นให้ทางเมืองมอบความช่วยเหลือแก่ประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะกับคนหนุ่มสาวที่กำลังมองหาความมั่นคง

เงินที่ทางเมืองมอบให้นั้น ไม่เพียงแต่ขยายการทดลองออกไปในอีก 9 โรงเรียน แต่ยังทำการทดลองกับนักศึกษาอีก 800 คน ซึ่งมีการติดตามข้อมูลเป็นเวลา 18 เดือนต่อเนื่องไปจนกระทั่งพวกเขาเรียนจบ

คอร์ทนีย์ หวัง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองนิวออร์ลีนส์ ซึ่งเป็นอดีตครูและผู้บริหารโรงเรียนมัธยมบอกว่า เงิน 50 ดอลลาร์ สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับชีวิตของนักเรียน

“งานวิจัยเผยให้เห็นว่า คนที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จะข้องแวะกับอาชญากรรมน้อยกว่า” คอร์ทนีย์ กล่าว

นักวิจัยยังพบด้วยว่า นักเรียนที่ได้รับเงินจะมีความรู้สึกถึงความสามารถในการควบคุมการเงินของตัวเอง และมีความมั่นใจในการตัดสินใจเรื่องการเงินของตัวเองในระยะยาว ซึ่งมีนักเรียนที่ใช้จ่ายเงินจำนวนนี้ไปเพื่อเป้าหมายในอนาคต เช่น การเข้าเรียนต่อในวิทยาลัย หรือใช้เพื่อสอบใบขับขี่รถยนต์

ไลริค แกรนท์ นักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนคาร์เวอร์ เป็นลูกคนที่ 5 ของพี่น้อง 6 คนบอกว่า เงินสัปดาห์ละ 50 ดอลลาร์ช่วยให้เธอสามารถเข้าเรียนคอร์สการเต้นรำได้ และยังครอบคลุมค่าใช้จ่ายการสอบเข้าวิทยาลัยของเธอได้ด้วย

“ใช่ว่า เด็กทุกคนอยากจะขอเงินจากพ่อแม่เสมอไปหรอกนะ และพ่อแม่บางบ้านไม่มีเงินให้กับลูกๆ ด้วยซ้ำ” ไลริคกล่าว


ที่มา
$50 a week for 40 weeks: How no-strings cash changed the lives of teens