เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15 มิ.ย.) บริษัท เรฟลอน ยักษ์ใหญ่ด้านความงาม ยื่นขอคุ้มครองกิจการล้มละลาย หลังพยายามดิ้นรนเพื่อรับมือกับหนี้ที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมที่พุ่งพรวดในตลาดออนไลน์ไม่ไหว
ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับเงิน 575 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท ในการจัดหาเงินทุนเพื่อการล้มละลายจากผู้ให้กู้ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากความพยายามใช้กลยุทธ์จัดระเบียบโครงสร้างทุนเดิมใหม่และการปรับปรุงโครงสร้างแบบระยะยาว
เรฟลอน มีอายุเก่าแก่ถึง 90 ปี ถูกซื้อไปโดยโรนัลด์ เพเลแมน เศรษฐีพันล้าน นั้นต้องเผชิญกับปัญหาที่ถาโถมทั้ง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ร้านค้าที่ปิดตัวในช่วงการเกิดโรคระบาด และสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ ที่ส่งตรงถึงลูกค้าโดยตรงเช่น Kylie Cosmetics และ Fenty Beauty ของริฮานนา (Rihanna) ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดลดลง
ด้าน เดบรา เพเลแมน ประธานบริษัทและยังเป็นลูกสาวของโรนัลด์ด้วย กล่าวในแถลงการณ์ว่า การยื่นขอล้มละลายครั้งนี้จะทำให้บริษัทสามารถหาแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการเติบโตในอนาคต เพราะผู้บริโภคยังต้องการสินค้าของเราอยู่ อีกทั้งแบรนด์ยังเป็นที่ชื่นชอบ และยังมีตำแหน่งการตลาดที่ดีอยู่ แต่โครงการเงินทุนที่ท้าทายความสามารถของบริษัทในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมหภาคเพื่อตอบสนองความต้องการนี้
อีกเหตุผลของการยื่นฟ้องล้มละลายนี้เกิดจากบริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน เช่น การล็อกดาวน์ในประเทศจีนจากสถานการณ์โควิดเมื่อต้นปีนี้ ทำให้ส่วนประกอบสำคัญในการผลิตหายากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทเรฟลอน รวมแบรนด์ Revlon, Elizabeth Arden และ Almay ถือหุ้นใหญ่โดย MacAndrews & Forbes ซึ่งถือหุ้นโดยโรนัลด์ เพเรแมน และเคยยื่นฟ้องล้มละลายมาแล้วเมื่อปี 2563 และใช้เวลาเจรจาหนี้ พร้อมได้เงินกู้ระยะยาวมากกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 105,000 ล้านบาท และในเดือน ธ.ค. 2563 ก็บรรลุข้อตกลงกับผู้ให้กู้ที่อนุญาตให้เลี่ยงกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ที่เป็นทางการ
ส่วนภาพรวมของเรฟลอน ได้รับผลกระทบจากการปิดร้านในปี 2563 แต่ยอดขายกลับฟื้นตัว บริษัทมียอดขาย 479.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 16,000 ล้านบาท ในไตรมาสแรกในรอบ 22 ปี เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า (62) แต่อย่างไรก็ตามเรฟลอน ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานและเงินเฟ้อในตลาดความงามที่มีการแข่งขันสูงได้