Skip to main content

วันที่ 9 มิ.ย. ที่รัฐสภา นิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการพิจารณาแนวทางการบรรเทาผลกระทบของประชาชน จากการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบก เกี่ยวกับที่นั่งเด็กหรือคาร์ซีท ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้วันที่ 5 ก.ย.นี้ ปรากฏว่าในกฎหมายดังกล่าวมีประเด็นที่อาจเกิดผลกระทบต่อประชาชน จึงมีข้อสังเกตจากสภาส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) โดยชี้ประเด็นเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูง ประชาชนเข้าถึงยาก จึงต้องส่งเสริมให้ผลิตในประเทศ ลดภาษี และควบคุมราคา ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องจัดอบรมเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายนี้โดยเร็ว และให้กำหนดเรื่องแบบที่นั่ง ซึ่งมี 3 ประเภท คือ ที่นั่งพิเศษ ที่นั่งนิรภัย และวิธีการอื่นใดเพื่อความปลอดภัย ซึ่งตร.จะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ทั้งนี้ ข้อสังเกตดังกล่าวส่งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งสลค.จะต้องตอบกลับสภาภายใน 60 วัน แต่จนถึงตอนนี้ 120 วันแล้ว ยังไม่มีการตอบกลับ

นิกร กล่าวต่อว่า จากการสอบถาม สลค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ทางคณะ กมธ. เชิญมาได้ข้อสรุปว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อสังเกตนั้น โดยให้ตร.เป็นศูนย์กลางการดูแล ซึ่งทราบว่าตร.ได้ขอขยายเวลา เนื่องจากยังติดขัดเรื่องการออกประกาศกำหนดที่ยังไม่สามารถออกได้ เพราะที่นั่งคาร์ซีทยังมีปัญหาเรื่องมาตรฐานในประเทศ เพราะมาตรฐานที่ใช้อยู่ตอนนี้เป็นมาตรฐานระดับโลกของยูเอ็นกำหนด มีราคาสูงถึง 2 หมื่นกว่าบาท ทางคณะกมธ. จึงประสานสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อให้กำหนดมาตรฐานในประเทศไทย ไม่เช่นนั้น ตร.จะประกาศกำหนดไม่ได้ ส่วนเรื่องภาษี ทางศุลกากรแจ้งว่าคาร์ซีทมีภาษีนำเข้า 20% แต่ความเป็นจริงการนำเข้าอาศัยสิทธิพิเศษเอฟทีเอ ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี ทำให้ขณะนี้กรมศุลกากรอยู่ระหว่างออกประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าคาร์ซีทให้เป็นร้อยละ 0 พร้อมกับให้กรมการค้าภายในประสานกับกรมศุลกากร ตรวจสอบเรื่องต้นทุนการนำเข้า

นิกร กล่าวด้วยว่า ในส่วนของภาคประชาชนเพจแม่และเด็ก ให้ความเห็นว่า คนเป็นแม่อยากให้ความปลอดภัยกับลูก แต่แม่ที่มีฐานะไม่สูง และแม่ในชนบท ยังมีปัญหาเรื่องนี้ จึงเรียกร้องให้รัฐเป็นคนจัดคาร์ซีทแบบหมุนเวียนเป็นกองกลาง อย่างไรก็ตาม วันนี้คณะกมธ. จัดการให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานราชการต่างๆที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ และวันที่ 18 ก.ค.นี้ กมธ.คมนาคม จะจัดสัมมนาใหญ่โดยมีเรื่องคาร์ซีทด้วย เมื่อได้ข้อสรุปจะส่งไปยังรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะเดือดร้อน ซึ่งต้องขอร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่อนคลายให้ประชาชนก่อน เพราะเป็นระยะแรกและเป็นเรื่องใหม่