Skip to main content

ภายหลังร้องเรียนถูกตำรวจคุกคามแอบถ่ายในห้องน้ำปั๊มแห่งหนึ่ง บริเวณปากซอยรัชดา 32 ซึ่งต่อมาทางตำรวจยืนยันว่าทราบตัว พบเป็นตำรวจยศ ส.ต.ท. สังกัด บช.น. ซึ่งเบื้องต้นตำรวจนายดังกล่าวให้การภาคเสธ วันที่ 22 ก.พ. 2564 ที่ โรงแรม Craftsman Bangkok ดาราสาว 'สิริลภัส กองตระการ' หรือ 'หมิว สิริลภัส' แถลงความคืบหน้า พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เธอเรียกมันว่า "เป็นการคุกคามทางเพศ" และ "ละเมิดสิทธิมนุษยชน" ก่อนไปพบคู่กรณีที่ สน.พหลโยธิน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ต้องไปถามอีกฝ่าย

ดาราสาวที่มีผลงานการแสดงผ่านช่อง 7 สี หลายผลงาน หลังจากครองตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์ 2003 บอกว่าเดิมทีอยากคุยกับฝ่ายเป็นการส่วนตัวก่อน เพื่อสอบถามเจตนาของการกระทำ ถ้าหากไม่ตั้งใจและเข้าห้องน้ำผิด ก็พร้อมยกโทษให้และให้อภัย เพราะอีกฝ่ายอาจโดนลงโทษทางวินัยหรือให้ออกจากราชการ

"ถ้าเกิดเขามีครอบครัว มีลูกมีภรรยา หมิวก็ไม่อยากไปทำให้ภรรยา และลูกเขาเดือดร้อน" หมิวบอก

แต่พออีกฝ่ายกล่าวอ้างว่า เธอเข้าใจผิดคิดไปเอง อีกทั้งมากล่าวหาเป็นฝ่ายโวยวายเอง ห้องน้ำจุดเกิดเหตุเป็นห้องน้ำรวมหรือไม่ เธอจึงตัดสินใจดำเนินการตามกฏหมาย

"อยากให้ดำเนินการเต็มที่"

"อยากให้เป็นเคสตัวอย่าง"

ดาราสาวที่ผ่านเข้ารอบ 12 คนสุดท้าย การประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ประจำปี 2552 บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ตำรวจเป็นอาชีพที่ประชาชนต้องไว้ใจไม่ใช่หรอคะ" ก่อนระบายความในใจต่อว่า เรื่องนี้ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ แต่เรื่องเงียบไม่มีสัญญาณตอบรับจาก สน.พหลโยธิน จนกระทั่งเธอใช้โพสต์และเป็นข่าว เรื่องถึงคืบหน้า จึงอยากให้สื่อมวลชน และประชาชนที่เห็นความไม่ยุติธรรมช่วยติดตามเรื่องนี้

"หมิวเป็นประชาชนคนหนึ่ง อยากจะบอกว่าเรามีสิทธิขั้นพื้นฐาน แค่อยากได้ความปลอดภัย จากการใช้ชีวิตประจำวัน แค่นี้เองทำไมตำรวจถึงให้เราไม่ได้ ตำรวจทำงานอะไรอยู่ หน้าที่หลักของตำรวจคืออะไร ไม่ใช่การดูแลปกป้อง ให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนหรอ" ดาราสาวบอกพร้อมตั้งคำถาม

เธอระบายความในใจต่อ "ตอนนี้ประชาชนคนหนึ่ง ถูกคุกคามจากอาชีพที่ควรที่จะได้รับไว้วางใจมากที่สุด อาชีพที่มีเกียรติ และควรที่จะปกป้องประชาชนมากที่สุด แต่ดันกลับมาคุกคามประชาชนเสียเอง แล้วอย่างนี้จะให้หมิวไปไว้ใจหรือว่าไปพึ่งพาใครได้ล่ะคะ เวลาประชาชนเดือดร้อนต้องไปแจ้งความกับใครคะในเมื่อตอนนี้ตำรวจมาทำตัวแบบนี้เสียเองแล้ว"

อย่างไรก็ตาม หมิวยังมั่นใจว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนพร้อมจะให้ความยุติธรรมกับเธอ และอีกหลายๆ คดี อีกหลายๆ เรื่อง เธอย้ำยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และอยากให้มันเกิดขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าหลายคนที่ติดตามข่าวนี้ อยากให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น

"หมิวว่าความเชื่อมั่น ความเชื่อใจ ของตำรวจกับประชาชน มันค่อนข้างห่างกันมากแล้ว ถ้าเขาแสดงออกได้ เรื่องนี้จะเป็นเคสที่ดีในการเรียกความเชื่อมั่นของตำรวจกลับมา"

เมื่อถามว่าถ้าอีกฝ่ายขอไกล่เกลี่ย หมิว กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องทางคดีความ แต่ขอคุยกับอีกฝ่ายก่อน อยากเห็นตำรวจทำงานกันอย่างไร และสามารถทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ อยากให้คดีเราดำเนินไปรวดเร็วเหมือนอีกหลายคดี

ถ้าอีกฝ่ายอ้างถูกนายสั่งให้มาติดตาม ก็คงถามว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ถ้าทำแบบนี้แล้ววันนึงไปเกิดกับภรรรยาและครอบครัวเขา มันจะเกิดอะไรขึ้น อยากให้คิดว่าถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมา ครอบครัวก็จะลำบากด้วย

“ถ้าทำแบบนี้แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์นี้มันไปเกิดขึ้นกับน้องสาวเขา กับแฟนเขา กับภรรยาเขา หรือกับลูกสาวเขา หรือกับคนที่เขารัก มันจะเกิดอะไรขึ้น”

ท้ายการแถลงข่าว หมิวหลั่งน้ำตาเปิดใจ พร้อมตั้งคำถามว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นแล้วมันไม่ได้จบที่เธอตามอีกฝ่ายออกมา หรืออีกฝ่ายเป็นคนร้ายจริงๆ แล้วเธอโดนกระทำอะไรขึ้นมาจริงๆ ครอบครัวเธอจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อเธอเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวที่เลี้ยงดูทั้งครอบครัว

ถ้าเรื่องนี้มันไปเกิดขึ้นกับลูกสาวของบ้านอื่นขึ้นมา มันไปเกิดขึ้นกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มันไม่ได้ทำลายชีวิตคนๆ เดียว มันทำร้ายทั้งสถาบันครอบครัว หรือสร้างบ้านแผลให้คนๆ หนึ่งไปตลอดชีวิต เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ ที่ถูกมองข้าม มันเป็นความปลอดภัย และเป็นสิทธิที่ประชาชน ที่จ่ายภาษีปฏิบัติตามกฏระเบียบของบ้านเมืองพึงจะได้รับ

“แล้วทำไมเราถึงไม่ได้”