ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กำหนดวาระประชุมในวันที่ 31 พ.ค. – 2 มิ.ย. เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2566 โดยปีนี้รัฐบาลได้จัดตั้งงบประมาณไว้ 3,185,000 ล้านบาท มีจุดมุ่งเน้นนำร่างกฎหมายดังกล่าวมาดำเนินการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องเสนอเข้าสภาฯ และพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน เพื่อให้ทันปีงบประมาณ และประกาศใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 65 ต่อไป แต่เนื่องจากขณะนี้ทางพรรคฝ่ายค้านได้ออกมาแถลงว่าจะมีการคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระที่ 1 ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลและเป็นรองประธานวิปรัฐบาลได้วิเคราะห์ถึงเรื่องดังกล่าวว่าทางการเมืองเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน แต่โดยหลักทั่วไปการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ นั้น โดยหลักการจะต้องดำเนินการในชั้นรับหลักการ ส่วนใหญ่ฝ่ายค้านที่ผ่านมาก็จะเห็นชอบในชั้นรับหลักการก่อน จากนั้นเมื่อพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 จึงจะตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ ส่วนใหญ่จะมีการงดออกเสียงในชั้นรับหลักการ
"การที่ฝ่ายค้านออกมาประกาศคว่ำร่างกฎหมายตั้งแต่วาระที่ 1 นั้น เป็นการเล่นเกมการเมืองมากเกินไป เพราะส.ส.ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันในการขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนมาพัฒนาให้เดินหน้าต่อไป เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และโดยหลักรัฐธรรมนูญแล้ว ถึงแม้ว่างบประมาณร่างจ่ายประจำปีจะไม่ผ่านความเห็นชอบหรือโดยคว่ำไปก็ตามรัฐบาลสามารถนำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของปีที่ผ่านมามาใช้ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป ดังนั้นผมอยากเรียกร้องให้ ส.ส.ช่วยกันรับเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อไปศึกษา และหากมีข้อบกพร่องแนวทางใด หรือพบว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณไม่สุจริตโปร่งใส และใช้จ่ายงบประมาณไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน อยากให้ ส.ส.ช่วยกันทำหน้าที่นี้เพื่อตรวจสอบการจัดตั้งงบประมาณที่มาของรายได้ของงบประมาณ ตลอดจนโครงการว่าสอดรับกับงบประมาณหรือไม่" ชินวรณ์ กล่าว
ชินวรณ์ กล่าวว่า สำหรับเวลาในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2566นั้น วันนี้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ เป็นประธานก็จะประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณากรอบเวลาของแต่ละฝ่ายในการอภิปราย ในส่วนของฝ่ายรัฐบาลได้ประชุมเบื้องต้นได้กำหนดจำนวนกรรมาธิการไว้ 64 คน และแบ่งเวลา โดยขอความร่วมมือให้ฝ่ายรัฐบาลได้มีส่วนในการอภิปรายเพื่อสนับสนุนงบประมาณอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทราบว่าฝ่ายค้านได้เตรียมผู้อภิปรายหรือเตรียมตั้งกรรมาธิการร่วมกันด้วย เพราะฉะนั้นร่างกฎหมายดังกล่าวน่าจะได้รับความเห็นชอบในชั้นรับหลักการแน่นอน