Skip to main content

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 มีนาคม 2565 ที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา คณะก้าวหน้าจัดกิจกรรมเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเมืองพัทยา และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเมืองพัทยา (สม.พัทยา) ทั้ง 4 เขต 24 คน พร้อมชูนโยบายหยุดขุดถนน ฟื้นฟูการท่องเที่ยว สร้างสวัสดิการ และความโปร่งใสในการบริหาร

'ธนาธร' ย้ำพัทยาควรถูกพัฒนาเพื่อคนพัทยา ชูทีมผู้สมัครทั้งนายก-สม.มาจากคนธรรมดาที่เจ็บปวดมาเหมือนทุกคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการเปิดตัวผู้สมัครของคณะก้าวหน้า มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมเวทีปราศรัยที่ท่าเรือแหลมบาลีฮายเป็นจำนวนมาก โดยมีธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ขึ้นปราศรัยบนเวทีก่อนการเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการ

ธนาธร ระบุว่าสิบปีมาแล้ว ที่ชาวพัทยาไม่ได้เลือกตัวแทนมาบริหารเมืองพัทยา ที่มีประชากรกว่า 117,000 คน มีทรัพย์สินที่มีศักยภาพมากมายทั้งเกาะล้าน สถานบันเทิงที่ขึ้นชื่อระดับโลก ชายหาดที่สวยงาม กีฬาทางน้ำที่ขึ้นชื่อ ประชากรประกอบอาชีพหลากหลาย มีคนจากทุกภาคส่วนในประเทศไทยมาหาโอกาสที่เมืองพัทยา ทำให้เมืองพัทยามีศักยภาพที่จะไปไกลกว่านี้ได้

ผลผลิตทางเศรษฐกิจของจังหวัดชลบุรี เฉลี่ยออกมามีรายได้ต่อหัวประชากรที่ 47,000 บาท แต่ถามว่าที่นี่มีใครบ้างที่มีรายได้ถึงค่าเฉลี่ยของจังหวัดชลบุรีบ้าง? นั่นแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเมืองที่ผ่านมา ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่มากพอสำหรับคนพัทยาจริง ๆ

“ที่ผ่านมาเราเห็นพัทยาที่สวยงาม  เราย่อมคิดว่าคุณภาพชีวิตของเมืองพัทยาน่าจะดี แต่พอเราได้พูดคุยกับผู้คนจริงๆ ทั้งผู้ประกอบการโรงแรม ผับ บาร์ พ่อค้ารายเล็กรายย่อย ทุกคนมีปัญหาหมด ทั้งเรื่องการขุดเจาะถนนที่มีตลอดเวลา ฝนตกหนักสองชั่วโมงน้ำก็ท่วมแล้ว การเดินทางในเมืองพัทยาก็ไม่สะดวก พัทยาที่สร้างรายได้ให้ประเทศมากมายมหาศาล เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก แต่กลับมีปัญหาด้านการบริการสาธารณะเต็มไปหมด นั่นยิ่งทำให้การเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาและสภาเมืองพัทยามีความหมายมากกว่าเดิม” ธนาธรกล่าว

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าภาษีที่ทุกท่านจ่ายเป็นงบประมาณให้เมืองพัทยา ปีละ 2,000 ล้านบาท รวมหนึ่งสมัยสี่ปี คือ 8,000 ล้านบาท แม้ช่วงโควิดที่ผ่านมาจะทำให้รายได้จากภาษีที่พัทยาลดลง แต่ก็ยังเป็นจำนวนที่มหาศาล ที่ราว 1,800 ล้านบาทต่อปี

ดังนั้น การขุดถนนจึงเป็นเรื่องการเมือง 11 โรงเรียนที่เมืองพัทยาบริหารอยู่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2 ศูนย์ คุณภาพจะดีหรือไม่อยู่ที่นายกเมืองพัทยา นี่จึงเป็นเหตุผลว่าการเลือกตั้งทุกครั้งในทุกระดับ คือการตัดสินใจเลือกอนาคตของทุกคนและลูกหลานของทุกคน ว่าอยากเห็นบ้านเกิดของเราพัฒนาไปในเรื่องอะไรบ้าง

“ผมเชื่อในศักยภาพของเขา เขาจะทำได้ดี ทำให้เมืองพัทยาของทุกท่านน่าอยู่กว่านี้ ให้ทรัพยากรของเมืองพัทยาไม่ได้ถูกใช้ไปดูแลแค่นักท่องเที่ยว แต่จะโอบรับทุกคนให้เติบโตไปพร้อมกับเมืองพัทยา และเขาเข้าใจความเจ็บปวดของทุกท่าน ทั้งผู้สมัครนายกเมืองพัทยาและสมาชิกสภาเมืองพัทยาของเราคือคนที่มีความมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงบ้านเกิด ที่ไม่ใช่เครือข่ายผู้มีอิทธิพล แต่เป็นคนที่บ้านน้ำท่วม ที่ร้านปิดเจ๊งช่วงโควิด นี่คือผู้สมัครของคณะก้าวหน้า” ธนาธรกล่าว

เปิดตัว 'บ๊อบ กิตติศักดิ์' เป็นผู้สมัครนายกเมืองพัทยา

หลังจากนั้น ธนาธร จึงได้กล่าวแนะนำเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเมืองพัทยาของคณะก้าวหน้า กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย ซึ่งเป็นคนพัทยาโดยกำเนิด และเป็นเจ้าของธุรกิจ รวมถึงเคยมีประสบการณ์ทำงานในภาคการเงินการลงทุนกับธนาคารระดับโลก

กิตติศักดิ์ ได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายเพื่อเปลี่ยนแปลงเมืองพัทยา โดยระบุว่าตนคือคนพัทยาคนหนึ่ง ในประชากร 117,000 ของพัทยา ที่เฝ้ามองและร่วมรับความเจ็บปวดของคนพัทยามาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 

วิกฤตโควิด ทำให้พัทยาที่ไม่เคยหลับไหลกลายเป็นเมืองที่เงียบสงัด ตนเห็นธุรกิจล้มละลาย คนตกงาน ชาวพัทยาต้องจมอยู่กับความสิ้นหวังเพราะทำมาหากินไม่ได้ โดยที่นายกเมืองพัทยาไม่ได้ทำอะไรเพื่อต่อชีวิตและลมหายใจคนพัทยาเลย

กิตติศักดิ์ระบุว่าที่ผ่านมา เมืองพัทยามีแต่การขุดถนนซ้ำซาก ทำกันมาเป็นปีๆ ไม่เคยจบสิ้น จนเกิดปัญหารถติด ฝุ่นละออง และความปลอดภัยในการสัญจรของคนพัทยา คนรู้จักของตนคนหนึ่งลงทุนเปิดธุรกิจ Wedding Studio ในเมืองพัทยา แต่เปิดได้ไม่ทันไรก็มีโครงการขุดถนนที่หน้าร้าน ทำให้กระทบกับธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตึก 2 หลังที่กู้ธนาคารมาลงทุนก็ต้องปล่อยให้ถูกยึดไป โดยไม่มีผู้รับผิดชอบ

ตนรู้สึกเจ็บปวดที่เมื่อเกิดฝนตกหนักทุกครั้ง เมืองพัทยาจะเป็นอัมพาต น้ำท่วม ทรัพย์สินประชาชนเสียหาย ตนรู้สึกเจ็บปวดที่ประชาชนบนเกาะล้านยังต้องจมอยู่กับกองขยะขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการดูแล ตนรู้สึกเจ็บปวดที่ walking street ที่เคยเป็น landmark สำคัญของพัทยา ทุกวันนี้ถูกทำลายด้วยการขุด

นายกิตติศักดิ์ ระบุว่าสิ่งเหล่านี้คือความเจ็บปวดที่ตนต้องเผชิญมาตลอดเวลาเหมือนชาวพัทยาทุกคน และทำให้ตนทนไม่ได้อีกต่อไปจนตัดสินใจมาร่วมกับคณะก้าวหน้า อาสาเปลี่ยนแปลงเมืองพัทยาในการเลือกตั้งครั้งนี้

ชี้ งบเมืองพัทยาปีละ 2,000 ล้านบาทละลายไปกับ 'เมกะโปรเจกต์' เพื่อนายทุน สุดท้ายปล่อยร้างเหลือแต่โครง

กิตติศักดิ์กล่าวต่อไป ว่าทุกคนทราบกันดีว่าพัทยา อยู่ภายใต้ผู้บริหารจากกลุ่มการเมืองเดิมมายาวนานนับ 20 ปี และได้ต่ออายุด้วยมาตรา 44 ซึ่งตนอยากชวนทุกคนตั้งคำถาม ว่างบประมาณเมืองพัทยาที่มาจากเงินภาษีของพวกเรา เฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาทหายไปไหน และได้อะไรกลับมาตอบแทนชีวิตคนพัทยาบ้าง 

คำตอบคือโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ใช้งบประมาณอย่างน้อย 1,800 ล้านบาท ที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลย ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือท่าจอดเรือยอร์ช 684.2 ล้านบาทที่ทุกวันนี้เหลือแต่ตอไม่มีคนจอด หรืออาคารวอเตอร์ฟรอนต์ ที่บดบังทัศนียภาพของเมืองพัทยา และได้รับการอนุญาตก่อสร้างจากเมืองพัทยาเอง

เปิดนโยบายหยุดขุดเมือง ทำขนส่งสาธารณะ-ฟื้นฟูท่องเที่ยว-สร้างสวัสดิการ-เปิดข้อมูลโปร่งใส

กิตติศักดิ์กล่าวต่อไป ว่านโยบายเร่งด่วนของเมืองพัทยา คือหยุดการขุดถนน และเร่งฟื้นฟูเมืองสภาพของเมืองพัทยาให้กลับมาในทันที เร่งทุกการขุดให้จบเร็วที่สุด ทำให้เมืองพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งถนน ทางเท้า ชายหาด สวนสาธารณะ และแหล่งท่องเที่ยวเมืองพัทยาให้พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างถาวร

นโยบายสำคัญอีกประการหนึ่ง คือตนจะเปลี่ยนเมืองพัทยาเป็นเมืองที่เข้าถึงได้ด้วยการเดินเท้า ทำให้การสัญจรเข้าถึงร้านค้าริมทาง มีลูกค้าผ่านหน้าร้านมากขึ้น เพิ่มรายได้ให้แก่ร้านค้าต่างๆ และการจัดระเบียบ zoning ใหม่ให้ผู้ประกอบการมีโอกาสทำมาหากินมากขึ้น

ที่สำคัญ คือการจัดสวัสดิการให้แก่เด็ก คนชรา ผู้พิการ ผู้ป่วยโรคไต ผู้มีความหลากหลาย และคนทำงานกลางคืน เช่น การผลักดันให้มีศูนย์บริบาลผู้สูงอายุ ศูนย์ฟอกไต และศูนย์ดูแลเด็ก Daycare และ Night Care ให้คนที่เข้ามาทำงานในพัทยาไม่ต้องส่งลูกไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัด 

นอกจากนี้ ตนจะเปลี่ยนเมืองพัทยาให้เป็นเมืองที่โปร่งใส ไร้การทุจริต ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดของเมืองพัทยาต้องประกาศให้ประชาชนเห็นบนเว็บไซต์ การให้บริการทั้งหมดของเมืองพัทยา ตั้งแต่การขอทำบัตรประชาชนจนถึงการขอใบอนุญาตต่าง ๆ ต้องเปิดให้ทำได้อย่างโปร่งใสผ่านระบบ E-Service รวมทั้งการนำแอพพลิเคชั่น Traffy Fondue ซึ่งคณะก้าวหน้าใช้ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายเทศบาลและ อบต. มาใช้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวเมืองพัทยาด้วย

“เราทนมาแล้วตั้ง 20 ปี ไม่ได้เลือกตั้งมาแล้ว 10 ปี การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ อนาคตอยู่ในมือของทุกท่าน ผมขอเวลาแค่ 4 ปี ให้ผมได้เข้าไปทำงาน แก้ปัญหา ทั้งหมดนี้ไม่ใช่นโยบายขายฝัน มันถึงเวลาแล้วที่จะทวงคืนพัทยามาเป็นของทุกคน” กิตติศักดิ์กล่าว

เปิดตัวทีม สม.คณะก้าวหน้าคุณภาพคับแก้ว คณะก้าวหน้าติวเข้มนโยบายเปลี่ยนเมือง


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รายงานเพิ่มเติม ว่าเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน ที่โรงแรม The Now หาดจอมเทียน แกนนำคณะก้าวหน้า นำโดยไกลก้อง ไวทยการ ผู้อำนวยการด้านนโยบายท้องถิ่นคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนักวิชาการด้านนโยบายของคณะก้าวหน้า รวมทั้งฝ่ายงานยุทธศาสตร์ ฝ่ายงานท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า และฝ่ายกฎหมาย ได้จัดกิจกรรมอบรมผู้สมัครนายกเมืองพัทยาและผู้สมัคร สม.พัทยา ถึงยุทธศาสตร์การหาเสียงเลือกตั้ง ข้อกฎหมายที่สำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การออกแบบนโยบาย 

และที่สำคัญ คือการวิเคราะห์ปัญหาของเมืองพัทยาอย่างครบวงจร เพื่อนำไปสู่การตอบสนองความต้องการของชาวเมืองพัทยาอย่างรอบด้าน หลังจากที่ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ นายธนาธร พร้อมด้วยฝ่ายนโยบายของคณะก้าวหน้า ได้ทำการลงสำรวจพื้นที่และปัญหาต่าง ๆ ของเมืองพัทยามาอย่างต่อเนื่อง และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบขนาดกลางและขนาดเล็กมาแล้วครั้งหนึ่ง จนนำมาสู่การวิเคราะห์ และสรุปปัญหาด้านต่าง ๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไขออกมาเป็นนโยบายของทีมผู้สมัคร