ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบข้อสเนอ จัดการเลือกตั้งท้องถิ่นของ กทม.และเมืองพัทยา โดยได้รับทราบเรื่องการแบ่งเขตพื้นที่เลือกตั้ง และจำนวนประชากร ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดทำแผนงานเลือกตั้งของ กทม. และเมืองพัทยา คาดว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค. 65
ธนกร ยังกล่าวถึงคำถามของสื่อมวลชนถาม พล.อ.ประยุทธ์ ถึงการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงจะมีมาตรการแบ่งเบาภาระประชาชนอย่างไร ซึ่งนายกฯ ชี้แจงว่า คณะทำงานด้านเศรษฐกิจกำลังพิจารณาอยู่ ส่วนกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการควบคุมราคาสินค้า ซึ่งรัฐบาลดำเนินการตามงบประมาณที่มีอยู่
ส่วนเงินงบประมาณที่กู้มาใช้ขณะนี้ยังมีเพียงพอหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ตอบว่าต้องพิจารณากันต่อไป เพราะต้องดูด้วยว่าสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย- ยูเครน จะยืดเยื้อแค่ไหน ซึ่งเงินที่กู้มาใช้ประชาชนทราบดีว่าเอาไปใช้อะไรบ้าง
ส่วนกรณีที่มีพรรคเพื่อไทยระบุว่ารัฐบาลจะชิงยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ไม่มีคำตอบใดจะพูด เป็นอำนาจของนายกฯ หากพูดอะไรเกรงว่าจะเป็นประเด็นอีก ส่วนที่มีการระบุว่าหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 อาจใช้เวทีนี้เปลี่ยนตัวนายกฯ เห็นว่า เป็นเรื่องของ ส.ส. และสภาพิจารณา นายกฯ ทำงานเพื่อชาติและประชาชน คนไทยทั้งประเทศ
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจในตัวเลข ส.ส. 260 คน ตามที่อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ธนกร กล่าวว่า นายกฯ ไม่มีคำตอบ เป็นเรื่อง ส.ส.และประชาชน
เมื่อถามว่า การรับประทานอาหารค่ำกับพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ (8 มี.ค. 2565) มีนัยยะสำคัญหรือไม่ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะมีการลอยแพพรรคพลังประชารัฐ ธนกร กล่าวว่า นายกฯ ระบุว่าไม่มีอะไรเป็นการปรึกษางานปกติ ที่บรรยากาศไม่ใช่ห้องประชุม ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ไม่สนใจใครจะลอยแพอย่างไร
ส่วนกรณีคลองด่านที่ศาลปกครองสูงสุดไม่รื้อคดีพิจารณาใหม่ตามคำขอของกระทรวงการคลังและกรมควบคุมมลพิษ พร้อมทั้งให้จ่ายเงินกับเอกชน นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ให้ฝ่ายกฎหมายศึกษารายละเอียดอยู่ เพราะแต่ละศาลตัดสินต่างการ ส่วนโทษทางอาญาได้มีการลงโทษไปแล้ว
ธนกร ยังกล่าวถึงข้อสั่งการและคำปรารภของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า นายกฯได้กำชับกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามแผนงานทุกจังหวัด ทุกอำเภอ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนรายครัวเรือน โดยให้แต่ละกระทรวงฯร่วมกันให้ภายในปี 2565 เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน รวมทั้งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบด้วย