ชุมนุมกะเหรี่ยงบางกลอย-ใจแผ่นดิน เขียนจดหมายถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานว่า วันนี้มีการสนธิกำลังกันของเจ้าหน้าที่ในปฏิบัติการ 'ยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร' ที่ขีดเส้นตายให้ชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดินออกจากที่ทำกินภายใน 18.00 น. ทำให้พวกเขาหวาดกลัวว่าจะมีการใช้กำลังเข้าจับกุมพี่น้อง และมีการใช้ความรุนแรงเหมือนกรณีปู่คออี้และพี่น้องเมื่อปี 2554 ทั้งที่ได้ยื่นข้อเรียกร้องจนเกิดการเจรจาและรัฐมนตรีกับอธิบดีได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2564
ซึ่งในข้อ 1 บอกว่าให้ชาวบ้านกลับไปทำไร่หมุนเวียนและดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมในที่ดินได้ โดยได้รับรองสิทธิในการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ชุมชนดังเดิม และข้อ 4 คือยุติการใช้กำลังจับกุม ดำเนินคดีและการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมในรูปแบบไร่หมุนเวียน หลังจากทำข้อตกลงเสร็จก็มีข่าวใส่ร้ายว่าชาวบ้านบุกรุกทำลายป่า พยายามสกัดกั้นไม่ให้ชาวบ้านกลับขึ้นไปบนที่ดินทำกิน
ซึ่งชาวบ้านเองเชื่อว่า รัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้สั่งการ และเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็ไม่น่าจะลงมือทำกับชาวบ้านแบบนี้ เหตุใจถึงไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ลงนามไว้ หรือว่าคือนโยบายรัฐที่จะจัดการกับชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในผืนป่าทั้งหมดในประเทศนี้
ในจดหมายของชาวบ้าน ทิ้งท้ายไว้ว่า "พวกเรายังหวังว่า ท่านน่าจะจำได้ว่าเคยยืนยันว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจา เหตุใดจึงล้มเลิกคำมั่นสัญญานี้ พวกเราจะต่อสู้ต่อไปจนกว่ารัฐจะรับรองสิทธิของชาติพันธุ์ที่จะอยู่กับป่าโดยถูกต้องตามกฎหมาย"
ก่อนหน้านี้ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ ส่งเจ้าหน้าที่ขึ้น ฮ. ไปสำรวจพื้นที่ป่าแก่งกระจาน-ใจแผ่นดิน พบว่ามีการรุกป่า ทำให้การลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นใบเบิกทางของกลุ่มคนบางกลุ่ม ถือเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม และวันนี้ (22 ก.พ.) มีรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชาวบ้านบางกลอยแล้ว 4 คนถูกนำตัวขึ้น ฮ. ขณะนี้อยู่ที่หน่วย กจ.10