ทีม 'รวมไทย ยูไนเต็ด' เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมี 4 แกนนำ ประกอบด้วย วินท์ สุธีรชัย, วรนัยน์ วาณิชกะ, อภิรัต ศิรินาวิน และณิชนัจทน์ สุดลาภา ภายใต้แนวคิด "รวมกันคิด รวมกันทำ รวมกันสร้าง"
วินท์ กล่าวว่า การตัดสินใจเข้ามาทำงานร่วมกับทีมนี้ เพราะคิดว่าเป็นเวลากว่า 30 ปี มาแล้ว ที่ประเทศเป็นประเทศกำลังพัฒนา จึงต้องการเข้ามาทำการเมืองเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย โดยมีแนวทางเสนอสองแนวทางคือ แนวทางเร่งด่วน และแนวทางระยะยาว เพื่อให้ประเทศก้าวเข้าสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั้งยืน ขณะเดียวกันมีประสบการณ์จากการเริ่มต้นทำธุรกิจกับกลุ่มเพื่อนที่เริ่มต้นจากศูนย์ ด้วยกระดาษใบเดียว กว่าจะมาถึงจุดที่ยืนอยู่ปัจจุบัน เรียกว่าต้องต่อสู้แข่งขัน และทำให้เจอกับทุกคนทุกระดับตั้งแต่พี่น้องแรงงานจนถึงผู้บริหาร ดังนั้นจึงมีความคิดว่าอยากพัฒนาประเทศไทย พัฒนาให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีศักดิ์ศรี เป้าหมายทำงานการเมืองคือการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ดังนั้นต้องรวบรวมประชาชนให้ได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ให้ทุกคนมีจุดยืน มีกรอบความคิดที่อยู่ร่วมกันได้ เมื่อทุกคนเห็นด้วยจะเกิดการรวบรวมและสร้างฉันทามติร่วมกัน
"ยืนยันว่ากลุ่มเราเป็นกลุ่มการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังชักใย ทุกคนมาด้วยใจ มาด้วยอุดมการณ์ มีจุดยืนและมีความฝัน มีความหวัง เชื่อมั่นในพลังนี้ว่าจะหาทางออกให้กับประเทศได้และเติบโตอย่างแท้จริง" วินท์ กล่าว
ส่วนอนาคตที่จะเลือกตั้ง หากได้รับการเลือกตั้งจะตัดสินใจร่วมทำงานการเมืองกับพรรคใด นายวินท์ กล่าวว่า สิ่งที่เรารับไม่ได้ คือการสืบทอดอำนาจ และรับไม่ได้ที่ ส.ว.เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี ดังน้นถ้าพรรคไหนมาจากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง จึงจะเป็นพรรคที่เรารับได้ เราต้องการให้ประชาชนเป็นผู้เรียนรู้ประชาธิปไตยด้วยตัวเอง เมื่อเลือกตั้งใครเข้ามาแล้วต้องทำตามกติกา สามารถถูกตัดสินได้ว่าจะได้ไปต่อหรือไม่ได้ไปต่อ และประชาชนมีสิทธิเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้
"รวมไทยฯ เป็นพื้นที่สันติ หวังให้ทุกคนมาสร้างฉันทามติร่วมกัน แต่มีวิธีการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญจะมีองค์กรเข้ามาตรวจสอบการทำงาน แสดงให้ประชาชนเห็นว่ามีการโปร่งใสในการบริหารงานอย่างแท้จริง ถึงแม้เราจะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่ถ้าเราเป็นพรรคใหญ่ ไม่ว่าจะเลือกตั้งใช้บัตรกี่ใบ มีกติกาอย่างไร เราก็พร้อม เพราะเรามีจุดยืนร่วมกับประชาชน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง" วินท์ กล่าว
ส่วนหัวหน้าพรรคจะเป็นใคร วินท์ กล่าวว่า อยากเห็นพรรคการเมืองเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นองค์กรที่มีความยั่งยืน ไม่ได้หายไปตามอุบัติเหตุทางการเมือง ดังนั้นเปิดรับทุกคนที่มีจุดยืนทำให้คนไทยมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ใครที่คิดว่ามีความสามารถเสนอตัวเข้ามาได้ โดยในวันประชุมใหญ่พรรค จะให้ที่ประชุมมีมติเลือกบุคคลที่เหมาะสม
วรนัยน์ กล่าวว่า ทำไมประเทศไทยยังยืนอยู่จุดเดิม จุดที่ประเทศกำลังพัฒนา ทั้งที่งบประมาณพัฒนาประเทศได้ใช้ไปอ่างต่อเนื่อง ประเทศอื่นๆ แซงเราไปหมดแล้ว ซึ่งเรามีเป้าหมายอยากให้การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและการศึกษา เดินไปข้างหน้า
"ขอย้ำว่าเราไม่ได้เป็นนอมินีของใคร ไม่ได้มีระบบอุปถัมภ์ ถ้าเราเป็นรัฐบาลเราจะไม่มีวันโยนกล้วยให้สื่อ ตบหัวลูกน้อง ฉีดสเปรย์ใส่ประชาชน ให้สื่อตรวจสอบความโปร่งใสเราได้ โดยเป้าหมายของเราคือการพัฒนาประเทศ ซึ่งมีอุปสรรคคือ การชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นในการเลือกตั้งเราต้องได้ 376 ส.ส. จึงจะสามารถปฏิรูปประเทศได้ และหากได้เป็นรัฐบาลสิ่งแรกจะทำคือ ยุบศูนย์เฟกนิวส์ เปิดศูนย์สิทธิเสรีภาพทางความคิดแทน เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างแท้จริง" วรนัยน์ กล่าว
อภิรักษ์ กล่าวว่า เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองมานานถึง 11 ปี สิ้นหวังกับการที่คิดว่าตัวเองไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศได้ แต่ครั้งนี้มองเห็นจุดยืนของทีมร่วมกันว่าจะทำการเมืองอย่างเป็นประชาธิปไตย และมีแนวคิดใหม่คือ ก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงมาเข้าร่วมและยินดีนำประสบการณ์มาช่วยพัฒนาประเทศและมีอนาคตที่ดีร่วมกัน ทั้งนี้หากได้เข้ามาทำงานการเมืองเรื่องแรกที่จะทำคือ การสร้างความเข้าใจความรักความสามัคคีในชาติ
ณิชนัจทน์ กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนผลักดันในเรื่องสิทธิเสรีภาพ และความเท่าเทียมกันของทุกกลุ่มในสังคมเพ่อให้เกิดความมั่นคงและยังยืน ไม่ให้มีการกีดกันในเรื่องเพศ โดยเฉพาะในหน้าที่การทำงาน ซึ่งมีคนบางกลุ่มยังคิดว่าบางอาชีพต้องเป็นของเพศนั้นๆ แต่ข้อเท็จจริงแล้วทุกเพศมีศักยภาพเท่าเทียมกัน เพียงแต่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำตามในสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้