ศาลสูงสุดของอังกฤษตัดสินว่า บริษัท อูเบอร์ แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่จะต้องจัดให้คนขับเป็นพนักงาน ไม่ได้ทำงานอาชีพส่วนตัว (self-employed) ซึ่งหมายความว่า คนขับอูเบอร์หลายหมื่นคนจะต้องได้รับการรับรองค่าแรงขั้นต่ำและวันลาหยุด และอูเบอร์ต้องจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลให้กับคนขับอูเบอร์
ศาลสูงสุดระบุว่า อูเบอร์ต้องจัดให้คนขับเป็นพนักงานตั้งแต่เวลาที่พวกเขาเข้าแอปฯ จนกระทั่งออกจากแอปฯ รวมถึงช่วงที่พวกเขานั่งรอลูกค้าเรียกใช้บริการด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ อูเบอร์โต้แย้งว่า หากจะนับคนขับอูเบอร์เป็นพนักงานก็เฉพาะช่วงที่มีผู้โดยสารอยู่ในรถเท่านั้น
ศาลให้เหตุผลที่ตัดสินให้คนขับอูเบอร์เป็นพนักงานเพราะอูเบอร์เป็นผู้ควบคุมอัตราค่าเดินทาง คนขับไม่สามารถเรียกเงินเพิ่ม คนขับต้องเซ็นยอมรับเงื่อนไขในสัญญากับอูเบอร์ ไม่ได้ต่อรอง คนขับจะได้รับโทษ หากรับลูกค้าได้ไม่ถึงระดับที่กำหนด หรือหากถูกยกเลิกมากเกินไป อูเบอร์สามารถควบคุมบริการด้วยการใช้ระบบเรตติ้ง อูเบอร์จำกัดการสื่อสารระหว่างคนขับและผู้โดยสาร เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาไปติดต่อกันเองในภายหลัง
คดีนี้เป็นคดีที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน โดยเจมส์ ฟาร์ราร์และยาซีน อัสลาม อดีตคนขับอูเบอร์ ซึ่งชนะคดีที่ศาลแรงงานเมื่อปี 2559 กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีว่า พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและสบายใจ "ผมถือว่านี่เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่เราสามารถยืนหยัดต่อสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ เราไม่ยอมแพ้และสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะผ่านอุปสรรคทางใจ ทางกาย และทางการเงิน เราก็ยังยืนหยัด"
หลังจากอูเบอร์แพ้คดีเมื่อปี 2559 อูเบอร์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์แรงงาน ศาลสูง และศาลสูงสุด แต่อูเบอร์แพ้หมดทุกชั้นศาล
แม้จะมีคำตัดสินออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า คนขับเป็นพนักงานของอูเบอร์ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า คนที่ทำงานกับแอปฯ อื่น ที่ไม่ใช่อูเบอร์จะเป็นพนักงาน หรือทำงานอาชีพส่วนตัว และคำตัดสินนี้จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจแบบครั้งคราว (gig economy) อย่างไร