ทางการไทยจับกุม 'มูฮัมหมัด ซาจัด คามารัซ ซามา' หรือ 'นูร์ ซาจัต' นักธุรกิจเครื่องสำอางชาวมาเลเซีย ที่หลบหนีมาพักพิงจากการถูกดำเนินคดีแต่งกายเป็นผู้หญิงซึ่งขัดกับหลักกฎหมายอิสลามในมาเลเซีย โดยเบื้องต้นทางการไทยได้ให้ประกันตัว ขณะที่รายงานระบุว่าทางการมาเลเซียได้เจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อขอตัวนูร์ ซาจัต กลับไปไต่สวนคดีต่อในประเทศ
เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าตำรวจมาเลเซียยืนยันว่า 'นูร์ ซาจัต' ได้ถูกหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยจับกุมเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา ฐานถือหนังสือเดินทางที่ไม่ไดัรับอนุญาตและถูกตั้งข้อหาที่เกี่ยวกับการเข้าเมือง ขณะที่สื่อมาเลเซียหลายสำนักระบุว่าการจับกุมมีขึ้นหลังทางการไทยได้รับข้อมูลที่อยู่ของเธอจากทางการมาเลเซีย โดยเธอถูกหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองจับกุมพร้อมคนข้ามเพศชาวไทยอีกคนหนึ่งที่คอนโดมิเนียมหรูในกรุงเทพฯ ก่อนจะถูกตั้งข้อหาในความผิดเกี่ยวกับการเข้าเมืองและได้รับประกันตัวออกไปเมื่อวันที่ 10 ก.ย. โดยเว็บไซต์ข่าวมาเลย์เมลรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่ระบุว่า แม้จะได้รับการประกันตัวแต่ซาจัตถูกสั่งให้มารายงานตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยทุก 14 วัน โดยระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยยังพบว่าหนังสือเดินทางของนูร์ ซาจัด ได้ถูกรัฐบาลมาเลเซียสั่งยกเลิก แต่เธอได้แสดงบัตรของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติและบอกว่าเธอเป็นผู้ลี้ภัยที่ได้รับการอนุติให้เดินทางไปลี้ภัยในออสเตรเลีย
ขณะที่หนังสือพิมพ์รายวันฮาเรียนเมโทรรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่ระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทางการมาเลเซียได้เจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อนำตัวนูร์ ซาจัต กลับไปมาเลเซีย ซึ่งแหล่งข่าวรายดังกล่าวระบุว่านี่เป็นความพยายามนำเธอกลับไปขึ้นศาลสูงชารีอะห์ในรัฐสลังงอร์ฐานแต่งกายเป็นหญิง แม้การเจรจาจะค่อนข้างยากเนื่องจากมีการแทรกแซงจากนานาชาติและมีองค์กรต่างๆ ที่พยามขัดขวาง แต่ทางการมาเลเซียก็ยังมีความหวังว่าจะนำตัวเธอกลับไป
รายงานระบุว่า นูร์ ซาจัต วัย 36 ปี ถูกฟ้องร้องต่อศาลอิสลามนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาจากการที่เธอแต่งกายเป็นผู้หญิงเข้าร่วมงานทางศาสนางานหนึ่งเมื่อปี 2561 ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายชารีอะห์ โดยหลังจากนั้น 1 เดือน ศาลได้ออกหมายจับหลังจากที่เธอไม่ได้ไปปรากฏตัวในการไต่สวนและหลบหนีมานับตั้งแต่นั้น ซึ่งหากถูกตัดสินว่ามีความผิดซาจัตจะต้องเผชิญโทษจำคุกถึง 3 ปี
ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Justice for Sisters กลุ่มนักกิจกรรมเพื่อคนข้ามเพศในมาเลเซีย ได้ระบุว่าการดำเนินคดีกับชาจัตถูกมองว่าเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการกดทับปราบปรามที่ชุมชนคนข้ามเพศในมาเลเซียกำลังเผชิญ พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจยุติการสอบสวนทั้งหมดและการคุกคามต่อซาจัต
ทั้งนี้ มาเลเซียมีระบบศาลยุติธรรมแบบคู่ขนาน โดยศาลชารีอะห์จะพิจารณาคดีบางประเภทสำหรับพลเมืองที่เป็นมุสลิม ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าความอดทนอดกลั้นต่อความแตกต่างหลากหลายทางเพศในมาเลเซียจะลดลง โดยจำนวนคดีฟ้องร้องภายใต้กฎหมายอิสลามอันเข้มงวดต่อกลุ่ม LGBT ที่เพิ่มขึ้นถูกมองเป็นสัญญาณที่น่ากังวล รวมถึงกรณีเมื่อปี 2561 ที่ผู้หญิง 2 คนถูกเฆี่ยนหลังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานมีความสัมพันธ์แบบคนรักเพศเดียวกัน
อ้างอิง :
- Malaysian transgender entrepreneur arrested in Thailand
- Nur Sajat nabbed in Bangkok by Thai immigration authorities but out on bail