Skip to main content

'คุณหญิงสุดารัตน์' ห่วงพี่น้องเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำอย่างหนัก มอบทีมไทยสร้างไทย เดินหน้าโครงการ #รับซื้อข้าวจากชาวนา เพื่อนำไปแจกให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด ตามที่ได้เสนอรัฐบาลไปแล้ว เมื่อรัฐบาลยังไม่สนใจความทุกข์ยากของประชาชน ไทยสร้างไทยขอลงมือช่วยพี่น้องก่อนทันที ขณะที่เพื่อไทย จี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จัดการปัญหาปุ๋ยราคาแพง ทั้งที่ผลผลิตการเกษตรตกต่ำ ชี้สภาวะเช่นนี้ต้องการผู้นำที่มีความสามารถแท้จริง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย มีความห่วงใย ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิตกต่ำอย่างหนักเหลือเพียงกิโลกรัมละไม่ถึง 8 บาท และยังต้องมาเผชิญกับปัญหาโควิดซ้ำอีก โดยคุณหญิงสุดารัตน์ให้นโยบาย ให้ซื้อข้าวสารจากชาวนาโดยตรงในราคากิโลกรัมละ 30 บาทเพื่อให้ชาวนาพอมีกำไรได้ประทังชีวิตในช่วงนี้

โดยได้เรียกประชุมทีมไทยสร้างไทยทุกจังหวัด วันนี้ได้มอบหมายทีมอุดรธานี ให้ ฐานวัฒน์ ธนาธัญญพิชญ์  ,อิทธิพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ อดีตนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี พร้อมคณะ ไปซื้อข้าวสารอินทรีย์ จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหันเทา ตำบลปะโค อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี จำนวน 1.5 ตัน ในราคาข้าวสาร กก.ละ 30 บาท เพื่อให้นำไปมอบให้กับผู้พิการทางสายตา และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด จำนวน 4 จุด ได้แก่สมาคมคนตาบอดจังหวัดอุดรธานี , ชุมชนเก่าจาน 8 , บริเวณชุมชนหนองเตาเหล็ก 1 และชุมชนโพธิ์ทอง เขตเทศบาลนครอุดรธานี 

ไทยสร้างไทยรับซื้อข้าวสาร

ตามที่พรรคได้เสนอให้รัฐบาลใช้เงินเพียง 4,500 ล้าน รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาในราคาเกวียนละ 15,000 บาท จำนวน 300,000 ตัน เพื่อดันราคาก่อนข้าวฤดูการผลิตใหม่ออก โดยนำมาแจกพี่น้อง 10 ล้านครัวเรือนยากจน ที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด ครัวเรือนละ 30 กก.

“วันนี้รัฐบาลยังเพิกเฉย แต่พรรคไทยสร้างไทย ไม่อาจเฉยต่อความทุกยากของพี่น้องประชาชนได้ วันนี้พรรคไทยสร้างไทย ได้เริ่มต้นโครงการ รับซื้อข้าวจากชาวนาจากหลายจังหวัด นำไปแจกจ่ายให้กับผู้รับผลกระทบวิกฤติโควิด เพื่อจะช่วยบรรเทาวิกฤติความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน จากการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาล”

โดยอาสาพรรคไทยสร้างไทยในแต่ละจังหวัดกำลังเร่งดำเนินการในการจัดซื้อข้าวตรงจากชาวนาอย่างต่อเนื่อง

“เพราะทุกข์ของพี่น้องรอไม่ได้”


'เพื่อไทย' จี้ 'ประยุทธ์' เร่งช่วยเหลือเกษตรกร ชี้ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่ราคาปุ๋ยกลับแพง 

เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส. อุบลราชธานี เขต 4 คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ อีก 5 รมต. ชี้ให้เห็นในความล้มเหลวในการบริหารประเทศ ทั้งการจัดการโรคระบาดโควิดที่ล้มเหลว การบริหารวัคซีนที่ส่อไปในทางทุจริตอย่างเห็นได้ชัด และยังไม่มีการแสดงหลักฐานพิสูจน์ความโปร่งใสเรื่องส่วนต่างของราคาวัคซีนซิโนแวค และความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาล จนมีความแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ จนเกือบมีการโหวตล้ม พล.อ.ประยุทธ์ และต้องมีการปลด รมช. 2 คน ที่อยู่เบื้องหลังและอาจจะทนต่อความล้มเหลวในการบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ โดยความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐน่าจะมีมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะพยายามจะสร้างภาพว่าสงบลงแล้ว แต่ไม่น่าจะจริง

ทั้งนี้ในช่วงอภิปราย พรรคเพื่อไทยได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของเกษตรกรที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากพล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด 7 ปี ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาโดยตลอดและไม่ได้มีการช่วยเหลือ จนกระทั่งจะใกล้เลือกตั้งถึงมีการช่วยบ้าง และพรรคพลังประชารัฐได้ออกนโยบายหาเสียงเรื่องราคาสินค้าเกษตรจำนวนมากเช่น ราคาข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท ราคาข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท และสินค้าเกษตรชนิดอื่นๆ อีก แต่กลับไม่ได้ดำเนินการเลย ยิ่งปัจจุบันหลังจากวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด ราคาสินค้าเกษตรยิ่งกลับตกต่ำลงอีก ราคาข้าวถูกกว่ามาม่า และยังถูกกว่าราคาอาหารสัตว์ ราคาผลไม้เช่น ลำไย ราคาถูกขนาดต้องนำมาเททิ้ง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก 

เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ

เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย

นอกจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำแล้ว เกษตรกรยังต้องเจอกับราคาปุ๋ยที่ราคาสูงขึ้นมาก เป็นการซ้ำเติมเกษตรกรให้ลำบากมากขึ้น เพราะราคาขายต่ำมาก แต่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น เกษตรกรจะทนกันไม่ไหว ไม่แน่ใจว่าเป็นการเอาใจนายทุนที่ขายปุ๋ยที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ ถ้าไม่จริง พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเข้ามาดูแลจัดการราคาปุ๋ยให้ถูกลง และ ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร อีกทั้ง ปัญหาลัมปีสกิน ที่ระบาดและปัญหาอหิวาต์ในสุกรยังเป็นปัญหาอยู่และยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควรจึงอยากให้เร่งดำเนินการเช่นกัน  

ที่ผ่านมาเกษตรกรต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ทั้งค่ายาค่าวัคซีน แทบจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐเลย ปล่อยให้ระบาดลามไปติดวัวแดงและสัตว์สงวนต่างๆ จนลามไปทั่วประเทศ ตอนนี้ต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้เกษตรกร ให้ได้ทุนคืน ให้เศรษฐกิจฐานรากกลับมาหมุนเวียน และ ต้องรีบเร่งฟื้นตลาดโคกระบือ ให้การขนย้ายโคกระบือการส่งออกเป็นไปได้อย่างสะดวก ฟื้นความเชื่อใจผู้บริโภค ยกระดับราคากลับมาดังเดิม โรคอหิวาต์หมูก็เช่นกัน หากไม่เร่งดำเนินงานควบคุมโรค เกษตรกรต้องเข้าสู่ภาวะยากลำบากอย่างแน่นอน รวมทั้งสินค้าเกษตรทุกชนิดก็ราคาตกต่ำ มีแต่ทุนกับหนี้ หนี้สินเกษตรกรยิ่งทับถมให้เศรษฐกิจฐานรากกำลังจะล้มละลาย  และจะลุกลามเป็นการล่มสลายทางเศรษฐกิจในอนาคตอย่างแน่นอนหากท่านผู้นำรัฐบาลทำงานช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ สั่งงานจากหอคอยงาช้างอย่างนี้ ท่านจะรู้หรือไม่ว่าความเดือดร้อนของเกษตรกร มากมายขนาดไหน เกษตรกรคิดสั้นหดหู่ในชีวิตแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว

ในสภาวะที่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังวุ่นวายกับพรรคพลังประชารัฐ จนอาจจะไม่มีสมองคิดในเรื่องอื่น เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ทำได้ทีละเรื่องอยู่แล้ว แต่ในสถานะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และการจัดการการแก้ไขปัญหาโควิดในตอนนี้ต้องการผู้นำที่มีความสามารถอย่างแท้จริง จะมัวแต่คิดปัญหาเฉพาะตัวเพื่อรักษาอำนาจ โดยละเลยความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้ โดยเฉพาะปัญหาของเกษตรกร เพราะทุกข์ของเกษตรกรคือทุกข์ของแผ่นดิน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ คิดไม่ได้หรือทำไม่ได้ ก็ไม่ควรจะบริหารประเทศต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะได้เดินหน้าได้