Skip to main content

รักษาการประธานาธิบดีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) รัฐบาลเงาของเมียนมา ประกาศสงครามต่อต้านเผด็จการ เรียกร้องประชาชน กองกำลังพิทักษ์ประชาชนและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารที่นำโดย 'มินอ่องหล่าย'

'ดูวา ลาซี ลา' รักษาการประธานาธิบดีของ NUG รัฐบาลเงาของเมียนมาที่ก่อตั้งโดยสมาชิกรัฐสภาและพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ที่พยายามรักษาความชอบธรรมของรัฐบาลพลเรือนหลังถูกกองทัพรัฐประหาร ได้แถลงฉุกเฉินเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ประกาศสงครามต่อต้านเผด็จการทหาร โดยระบุว่าเนื่องจากนี่เป็นการปฏิวัติของประชาชนนี้ พลเมืองทุกคนในเมียนมาจะลุกขึ้นต่อต้านกฎของผู้ก่อการร้ายจากกองทัพที่นำโดยพลเอกอาวุโส 'มินอ่องหล่าย' ในทุกมุมของประเทศ และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจนกว่าที่ประเทศจะกลับสู่การปกครองของพลเรือน

รักษาการประธานาธิบดีของ NUG เรียกร้องกองกำลังพิทักษ์ประชาชนหรือ PDF พุ่งเป้าไปที่ “ทุกเสาหลักของกลไกการปกครองของเผด็จการ” รวมถึงปกป้องชีวิตประชาชนของเมียนมา ปฏิบัติตามคำสั่งและหลักจรรยาบรรณของ PDF ขณะเดียวกัน ก็เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่นที่ทำงานภายใต้รัฐบาลทหารลาออกทันที พร้อมเตือนประชาชนงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น กักตุนอาหารและยารักษาโรค ช่วยเหลือกองกำลังพิทักษ์ประชาชนและกองกำลังพลเรือนที่ลุกขึ้นต่อต้านด้วยการแจ้งกิจกรรมของกองทัพ นอกจากนี้ยังขอให้องค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์โจมตีกองกำลังของเผด็จการทหารในทุกทางที่เป็นไปได้และรักษาอำนาจควบคุมในดินแดนของตัวเอง พร้อมเรียกร้องให้ทหารและตำรวจแต่ละคนหันมาร่วมมือกับฝ่ายประชาชน

รักษาการประธานาธิบดีของรัฐบาลเงาเมียนมายังหวังว่า ประเทศเพื่อนบ้าน สมาชิกอาเซียน และสหประชาชาติจะเข้าใจว่า การประกาศสงครามต่อต้านเผด็ตการครั้งนี้มาจากความจำเป็น

สถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมาปั่นป่วนนับตั้งแต่กองทัพรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของ 'อองซาน ซูจี' ที่มาจากการเลือกตั้ง ส่งผลให้เกิดการประท้วงต้านรัฐประหารและอารยะขัดขืนทั่วประเทศ โดยกองทัพใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้าน สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองระบุว่ามีประชาชนถูกสังหารไปแล้วกว่า 1,000 คน และมีอีกหลายพันคนที่ถูกจับกุม ขณะที่การปราบปรามรุนแรงของกองทัพได้กระตุ้นให้เกิดการจับอาวุธลุกขึ้นต่อต้านเผด็จการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในเขตชายแดนของเมียนมาที่ฝ่ายต่อต้านเข้าร่วมกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์และตั้งกองกำลังพิทักษ์ประชาชนเพื่อสู้กลับ

รายงานของสำนักข่าวเมียนมานาวระบุว่า รัฐมนตรีกลาโหมของรัฐบาลเงาเมียนมาไม่เผยถึงจำนวนนักรบในกองกำลังพิทักษ์พลเรือน แต่เชื่อว่ามีหลายพันคน ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ชัดเจนว่ากองกำลังพิทักษ์ประชาชนมีวิธีการอย่างไรในการต่อสู้กับกองทัพเมียนมาที่ถูกจัดเป็นกองทัพที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 11 ของโลก และมีทหารประจำการในปี 2562 มากกว่า 400,000 นาย อย่างไรก็ตาม เมียนมานาวรายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกระทรวงกลาโหมรัฐบาลเงาที่ไม่ยอมเผยชื่อ ซึ่งระบุว่าสงครามต่อต้านเผด็จการจะเปลี่ยนรูปแบบจากสงครามกองโจรไปสู่สงครามตามรูปแบบที่ร่วมมือกับประชาชนมากขึ้น

ทั้งนี้ การประกาศต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างเป็นทางการของ NUG มีขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก ซึ่งก็คาดว่าหากการต่อสู้ขยายตัวไปทั่วประเทศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า วิกฤตเมียนมาจะเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของการประชุมที่จะเกิดขึ้น