'กมลา แฮร์ริส' รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลประธานาธิบดี 'โจ ไบเดน' ต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ระหว่างเดินทางเยือนสิงคโปร์ โดยยืนยันความสำคัญของภูมิภาคนี้และวิจารณ์การขยายอิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้ พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ พร้อมเคียงข้างพันธมิตรในการเผชิญการคุกคามของจีน
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า จีนยังคงเดินหน้าบีบบังคับ ข่มขู่ และอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการอ้างสิทธิ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของจีนเหล่านี้ได้ถูกปฏิเสธไปแล้วเมื่อปี 2559 โดยศาลอนุญาโตตุลาการถาวรจากคำตัดสินกรณีที่ฟิลิปปินส์ฟ้องร้องกรณีพิพาทกับจีนจากการอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ โดยแฮร์ริสระบุว่าการกระทำของรัฐบาลจีนยังคงบ่อนทำลายระเบียบบนพื้นฐานกติกาและคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศต่างๆ ซึ่งสหรัฐฯ จะยืนเคียงข้างพันธมิตรและหุ้นส่วนในการเผชิญภัยคุกคามเหล่านี้
ทั้งนี้ แฮร์ริสได้ย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้ที่ชีวิตของคนหลายล้านคนต้องพึ่งพาการค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่หมุนเวียนอยู่ในเขตน่านน้ำดังกล่าว แต่ก็ย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการให้พันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออินโด-แปซิฟิก เลือกข้างประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยระบุว่าการเข้ามามีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้เป็นไปเพื่อเดินหน้าวิสัยทัศน์ในแง่ดีสำหรับการเป็นหุ้นส่วนในการเผชิญความท้าทายใหม่ๆ และสร้างโอกาสร่วมกันมากกว่า
นอกจากนี้ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมาว่าสหรัฐฯ กังวลอย่างยิ่งต่อการรัฐประหารโดยกองทัพเมียนมาที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี พร้อมประณามการปราบปรามที่ใช้ความรุนแรงและย้ำว่าสหรัฐฯ มุ่งมั่นสนับสนุนประชาชนเมียนมาที่กำลังพยายามนำประเทศของตัวเองกลับสู่หนทางประชาธิปไตย โดยรองประธานาธิบดีแฮร์ริสเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในอินโด-แปซิฟิก ร่วมกับสหรัฐฯ ในการสนับสนุนความพยายามนี้ด้วย
การเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการของรองประธานาธิบดีแฮร์ริสมีเป้าหมายกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคนี้ท่ามกลางการขยายอิทธิพลของจีน แต่ขณะเดียวกันการเยือนครั้งนี้ก็เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถูกตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือหลังการถอนกำลังจากอัฟกานิสถานได้เปิดทางให้กลุ่มตอลิบานยึดอำนาจอีกครั้ง ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์มองว่าสิ่งที่เกิดในอัฟกานิสถานได้สร้างความกังวลให้หลายประเทศพันธมิตรว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้หากวันหนึ่งสหรัฐฯ มองว่าประเทศหรือภูมิภาคเหล่านั้นไม่ได้สำคัญอีกต่อไปและเก็บกระเป๋าถอนตัวออก
ด้วยเหตุนี้ รองประธานาธิบดีแฮร์ริสจึงจำเป็นต้องตอบคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ให้ได้ ซึ่งในการแถลงร่วมกับนายกรัฐมนตรี 'ลีเซียนลุง' ของสิงคโปร์เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย้ำว่าสหรัฐฯ ยังมุ่งมั่นรักษาการมีส่วนร่วมกับสิงคโปร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินโด-แปซิฟิก เหตุผลที่เธอมาอยู่ที่นี่เป็นเพราะสหรัฐฯ คือผู้นำโลก และสหรัฐฯ ก็ให้ความสำคัญต่อการรักษาบทบาทดังกล่าว
หลังเสร็จสิ้นการเยือนสิงคโปร์ในวันนี้ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางไปยังเวียดนามและเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวันพรุ่งนี้ โดยจะใช้เวลาอยู่ในเวียดนาม 2 วัน และถือเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เดินทางเยือนเวียดนาม