Skip to main content

พีต้า (PETA) องค์กรระหว่างประเทศด้านการพิทักษ์สิทธิสัตว์ ประกาศความสำเร็จหลังเรียกร้องให้กองทัพสหรัฐอเมริกาที่เข้าร่วมฝึกซ้อมทางทหารร่วมกับกองทัพไทย ในภารกิจคอบร้าโกลด์ 2021 ยุติการฆ่าสัตว์และกินเนื้อสัตว์ดิบๆ โดยข้อมูลที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ peta.org เมื่อ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าพีต้าได้ล่ารายชื่อผู้สนับสนุนแคมเปญต่อต้านการฆ่าสัตว์ระหว่างการฝึกซ้อมของทหารไทย สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรอื่นๆ ที่เข้าร่วมคอบร้าโกลด์ และกองทัพสหรัฐฯ รับปากว่าจะพิจารณายกเลิกพฤติกรรมดังกล่าว 

แคมเปญดังกล่าวเริ่มขึ้นหลังจากวิดีโอการฝึกทักษะการเอาตัวรอดในป่าระหว่างการร่วมฝึกซ้อมรบคอบร้าโกลด์ในไทยเมื่อปี 2561 ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นภาพการฆ่างูเห่าเพื่อดื่มเลือดสดๆ การฆ่าไก่ด้วยมือเปล่า รวมถึงการกินสัตว์ดิบอีกหลายชนิด ซึ่งพีต้าระบุว่านอกจากจะเป็นทารุณสัตว์โดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อเชื้อโรคที่อาจแพร่ระบาดได้ โดยเฉพาะในช่วงที่โรคโควิด-19 ยังไม่พ้นภาวะวิกฤต 

(วิดีโอการฝึกซ้อมคอบร้าโกลด์ที่พีต้าระบุว่าเข้าข่ายทารุณสัตว์และเสี่ยงเชื้อโรค)

นอกจากนี้ พีต้ายังได้อ้างอิงการรายงานข่าวของสื่อมวลชนหลายสำนัก ทั้ง The Straits Times ที่เผยแพร่บทสัมภาษณ์ 'เดฟ วิลเลียมส์' ชาวต่างชาติในไทยผู้สอนคอร์สการใช้ชีวิตในป่า ซึ่งมองว่าการเข้าป่าแล้วกินเนื้อสัตว์ดิบเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายยิ่งกว่าการกินพืช และสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ก็มีคำเตือนพลเมืองอเมริกันอยู่แล้วว่า 75% ของโรคระบาดที่เกิดขึ้นในหมู่ประชากรสหรัฐฯ เกิดจากเชื้อโรคที่มาจากสัตว์

ขณะที่ทหารอเมริกันที่เคยร่วมฝึกซ้อมคอบร้าโกลด์ก็ยอมรับว่า ทักษะที่พีต้าคัดค้านก็ไม่ได้ช่วยให้เอาตัวรอดในป่าได้จริง แต่ที่กองทัพสหรัฐฯ ยังเข้าร่วมการฝึกแบบนี้เพราะต้องการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทหารอเมริกันและเพื่อนทหารในประเทศพันธมิตร และหลังจากรณรงค์อย่างต่อเนื่อง การฝึกคอบร้าโกลด์ในไทยประจำปีนี้ก็ไม่มีการฆ่าสัตว์และการกินเลือดสัตว์อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ VICE ระบุว่าได้สอบถาม 'น.อ.อำนวย เกิดแก้ว' หนึ่งในนายทหารผู้ฝึกคอบร้าโกลด์ และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย แต่ไม่ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวทั้งสองฝ่ายว่ายกเลิกการฆ่าสัตว์หรือดื่มเลือดงูไปแล้วหรือไม่ ส่วนการฝึกคอบร้าโกลด์ในไทยปีนี้ กรุงเทพธุรกิจรายงานว่ามีการลดจำนวนทหารต่างชาติที่เข้าร่วม จาก 2,000 นายเป็น 600 นาย เพื่อให้เข้ากับมาตรการป้องกันโรคโควิด โดยการฝึกมีหลายกลุ่ม เริ่มฝึกตั้งแต่เดือน ก.ค.-13 ส.ค.ที่ผ่านมา