ที่ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์วันนี้ ( 6 ส.ค.64 ) นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนเหล่าไฮงามไม่เอาเหมือง และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนนาโกไม่เอาเหมืองแร่ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ได้เดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อยื่นหนังสือขอให้ยกเลิกคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทรายแก้วของบริษัทเอกชนสามแห่งที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และวิถีชีวิตในพื้นที่
โดยก่อนร่วมประชุม ทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวกับตัวแทนนักปกป้องสิทธิว่า เรามาคุยกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งจริงๆ แล้วตนไม่ทราบข้อมูลของปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะไม่ได้จับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น การประชุมพิจารณาแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ ทำกันในรูปแบบของคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยเหตุด้วยผล
หลังจากนั้นตัวแทนของ นักปกป้องสิทธิกลุ่มฅนเหล่าไฮงามฯ และนักปกป้องสิทธิกลุ่มคนนาโกฯ ได้ร่วมกันสะท้อนถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่หากมีการทำเหมืองแร่ทรายแก้วในพื้นที่ โดย บุญถม ทะเสนฮด นักป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มคนนาโกไม่เอาเหมืองแร่ ซึ่งเป็นปราชญ์ชาวบ้านระบุว่า อยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาอย่างยาวนานพื้นที่ที่เขาจะมีการทำเหมืองเป็นพื้นที่ตาน้ำเป็นแหล่งต้นน้ำของชุมชนหากมีการทำเหมืองแร่ทรายแก้วในพื้นที่จริง จะทำให้ภูมิทัศน์ เสียภูมิประเทศ เสียที่ทำมากินของชาวบ้าน และผิด พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 มาตราที่ 17 วรรค 4 ที่ห้ามไม่ให้มีการทำเหมืองในพื้นที่น้ำซับซึม ตำบลนาโกเป็นตำบลที่มีข้าวเหนียวพันธุ์กาฬสินธุ์ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวเหนียวที่มีคุณภาพถ้าเกิดไปทำเหมืองก็จะทำให้พื้นที่ทำมาหากินพื้นที่ปลูกข้าวของเราเสียหาย และถนนก็จะเสียหายหากมีการบรรทุกทรายเกินน้ำหนัก ถนนหนทางจะทรุดโทรมทำให้เกิดอุบัติเหตุ และมีฝุ่น ดังนั้นที่มาในวันนี้ก็หวังว่าผู้ว่าราชการจังหวัดและอุตสาหกรรมจังหวัดคงจะให้ยุติการออกประทานบัตรและการประกาศเหมืองทั้งสองฉบับนี้อยากให้เห็นแก่ลูกหลานของเราในอนาคตต่อไป
ขณะที่ สรวีย์ พลกุล ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มคนนาโกไม่เอาเหมืองแร่อีกหนึ่งตัวแทนของชาวบ้านระบุว่า ตาน้ำของภาคอีสานจะไม่เหมือนกับตาน้ำของภาคอื่น ตาน้ำของเราจะมีลักษณะเล็กและมีน้ำผุดอยู่ตลอดทั้งปี ซึ่งบริเวณพื้นที่ที่มีการขอทำเหมืองห่างจากตาน้ำเพียงแค่ 100 เมตร เรามีความสงสัยในหนังสือของทางจังหวัดที่กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เข้าไปตรวจสอบตาน้ำ การเข้าไปตรวจสอบใช้อะไรเป็นนิยามว่าตาน้ำแก้งหลงของเราไม่ใช่แหล่งน้ำซับซึม และหลักฐานที่ใช้กล่าวอ้างว่าไม่ใช่แหล่งน้ำซับซึมคืออะไร เพราะตรงส่วนนี้เราไม่ได้รับหนังสือแจ้งอะไรจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปทำการตรวจสอบเลย ในขณะที่ชาวบ้านมีพยานบุคคล มีภูมิปัญญา มีประวัติศาสตร์ที่จะใช้ยืนยันถึงการเป็นแหล่งน้ำซับซึมได้ ซึ่งหากมีการสร้างเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวจริงจะทำให้สารเคมีจากการทำเหมืองไหลปนเปื้อนในแม่น้ำทั้งสามสายของเราแน่ นอกจากนี้ยังจะส่งผลกระทบด้านอื่นๆที่อีกเช่น ถนนดินเสื่อมโทรม ระบบการเกษตรของเราจะเปลี่ยนเพราะขาดน้ำที่ใช้ในการทำการเกษตร
ทั้งนี้หลังจากรับฟังข้อร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้านแล้ว ผู้ว่าฯ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ชาวบ้านมีสิทธิในการยื่นคำขอจะต้องได้รับสิทธินั้น ส่วนการพิจารณาคำขอเป็นไปตามกระบวนการของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากชุมชน สิทธิชุมชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญจะต้องพึงมี ซึ่งกม.รัฐธรรมนูญในปีพ.ศ. 2560 ได้เปิดให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังนั้นการจะทำอะไรหรือกม.ต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงสิทธิของชุมชนนั้น ๆ ด้วย และในเมื่อยังมีปัญหาอยู่ตนก็คงไม่สามารถที่จะให้หน่วยงานเดินหน้าทำตามคำขอของผู้ประกอบการโดยที่ยังไม่ได้ตอบคำถามของชุมชนได้หมดจดทุกข้อคำถามไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำซึมน้ำซับ ซึ่งบริเวณแหล่างนั้นอาจจะต้องเป็นแหล่งของป่าต้นน้ำลำธารหรือเรื่องของกรรมสิทธิ์ และเรื่องของพื้นที่ต่างๆ ที่ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นมาคงต้องให้มีการตรวจสอบใหม่ทั้งหมดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมิใช่หน่วยงานอุตสาหกรรมหน่วงงานเดียว แต่หน่วยงานทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบ
ขณะที่ ศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่า ในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ เราห่วงใยผู้ที่มีบทบาทในการที่ปกป้องสิทธิชุมชน หลังจากที่มีการร้องขอให้เราประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ให้ดูแลในเรื่องความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิเราก็ดำเนินการได้ทันที และที่ชาวบ้านกังวลว่าจะถูกทำร้ายก็เป็นหลักการและเจตนารมณ์ของ กสม.ที่จะคุ้มครองนักปกป้องสิทธิอยู่แล้ว ดังนั้นการประสานงานให้เราประสานงานกับผู้ว่าก็เป็นสิ่งที่เราช่วยได้ในสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่หากในกรณีของการที่บริษัทขอประทานบัตรทำเหมืองแร่แล้วชาวบ้านคิดว่าไม่มีความโปร่งใสนั้น ก็สามารถส่งเรื่องร้องเรียนมาให้กสม.ตรวจสอบได้ เพื่อให้กระบวนการขั้นตอนตามกฎหมายในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ทำให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมตัดสินใจและมีความโปร่งใสได้จริง ซึ่งกสม.จะช่วยจัดหาผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในด้านสิ่งแวดล้อมสุขภาพช่วยพิจารณาได้ว่ารายงานข้อมูลที่ขออนุญาตสร้างเหมืองในพื้นที่นั้นมีความเหมาะสมในเชิงพื้นที่หรือไม่ ซึ่งกสม.จะช่วยเรียกข้อมูจากหน่วยงานรัฐมาเปิดเผยให้กับประชาชนเพื่อให้ขั้นตอนมีความโปร่งใสได้ส่วนจะมีโครงการหรือไม่มีโครงการนั้นก็เป็นการตัดสินใจของประชาชนในพื้นที่