Skip to main content

'วันชัย คงเกษม 'ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางไปติดตามสถานการณ์ควบคุมไฟไหม้เหตุระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานผลิตพลาสติกและเม็ดโฟม 'หมิงตี้ เคมีคอล' ซอยกิ่งแก้ว 21 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 03:00 น.วันที่ 5 ก.ค.เป็นต้นมา และแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับที่น่าพอใจเมื่อเวลาประมาณ 23:00 น. โดยสามารถปิดวาล์วบ่อสารเคมีได้สำเร็จ และพยายามดับไฟโดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุ

ช่วงเวลาประมาณ 23:45 เฟซบุ๊กเพจ The Reporters รายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ไฟไหม้ โดยมีผู้ว่าฯ ให้การต้อนรับ ขณะที่ก่อนหน้านี้ 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ 'คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์' แห่งพรรคไทยสร้างไทย ได้ลงพื้นที่ด้วยเช่นกัน แต่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าไม่เห็น 'นันทิดา แก้วบัวสาย' นายก อบจ.สมุทรปราการ ลงพื้นที่

ส่วนเฟซบุ๊กเพจ ประชาสัมพันธ์สมุทรปราการ แจ้งว่าประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงาน ยังสามารถขอความช่วยเหลือและพักพิงชั่วคราวได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพ จำนวน 8 จุด คือ 1.องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ 2.วัดบางพลีใหญ่กลาง 3.โรงเรียนบางกระบือ 4.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ 5.ศาลพ่อหลวง 6.วัดบางโฉลงใน 7.วัดบางโฉลงนอก 8.วัดบางพลีใหญ่ใน

ทางด้านกรมอุตุวิทยาพยากรณ์อากาศว่าพรุ่งนี้จะมีฝนตก และอาจมีปัญหาฝนปนเปื้อนสารเคมีจากไฟไหม้โรงงาน ซึ่งเป็นอันตราย และขอให้ประชาชนเลี่ยงการตากฝนหรือดื่มน้ำฝน รวมถึงพยายามอยู่แต่ในตัวอาคาร สอดคล้องกับคำเตือนของกรมควบคุมมลพิษที่คำนวณค่าความเข้มข้นของสารสไตรีนในพื้นที่ไฟไหม้จังหวัดสมุทรปราการ

กรมควบคุมมลพิษระบุว่า ในรัศมี 1 กิโลเมตรรอบจุดเกิดเหตุไฟไหม้ มีระดับความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศสูงที่สุด คือ 1,035.47 ppm สูงกว่าระดับที่ 2 ที่มีค่า 130 ppm ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไม่ร้ายแรง และเกือบถึงระดับ 3 ที่มีค่า 1,100 ppm หรือระดับความเข้มข้นสูงสุดของสารเคมีในบรรยากาศ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต ส่วนระดับความเข้มข้นของสารเคมีในรัศมี 3 และ 5 กิโลเมตร อยู่ที่ระดับ 86.43 ppm และ 51.77 ppm

อย่างไรก็ตาม 'วรรณวิภา ไม้สน' ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ยังมีผู้อยู่ในแคมป์แรงงานบริเวณซอยลาดกระบัง 20/3 อยู่อีกราว 100 คน ไม่สามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้ แม้ที่ตั้งแคมป์จะอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบจุดเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว และเป็นจุดเสี่ยงที่ต้องอพยพก่อนหน้านี้ โดยมีการสอบถามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถย้ายได้ เพราะมีคำสั่งปิดแคมป์นับตั้งแต่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิดเมื่อเดือน มิ.ย.

Timeline หมอกควันปกคลุมท้องฟ้าใกล้เคียง จ.สมุทรปราการ

เมื่อเวลา 18:30 น.วันที่ 5 ก.ค. หมอกควันลอยปกคลุมท้องฟ้าหลายส่วนในกรุงเทพมหานคร รวมถึงเขตพญาไทซึ่งอยู่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุไฟไหม้และระเบิดที่โรงงานผลิตพลาสติกและเม็ดโฟมในซอยกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ประมาณ 35 กิโลเมตร 

ขณะที่เวลา 18:39 น. เฟซบุ๊กเพจโฆษกกระทรวงกลาโหม เผยแพร่ภาพและข้อมูลอ้างอิง พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (กห.) ซึ่งระบุว่าทุกเหล่าทัพได้จัดส่งกำลังพล ยานพาหนะ รถดับเพลิงโฟมและสารเคมี ชุดเผชิญเหตุสารเคมี อากาศยานไร้คนขับ รถพยาบาล เจ้าหน้าที่แพทย์สนาม รวมถึงทหารสารวัตร เข้าไปพื้นที่ เสริมการทำงานของจังหวัดสมุทรปราการแล้ว เพื่อควบคุมเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

พร้อมกันนี้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กระทรวงกลาโหม สั่งการทุกเหล่าทัพให้เร่งเข้าไปสนับสนุนจังหวัดสมุทรปราการ เคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่กำหนด และระดมให้ขนย้ายโฟมดับเพลิงที่มีอยู่ของทุกเหล่าทัพ เร่งเข้าไปสนับสนุนการดับไฟและการควบคุมมลพิษจากสารเคมีในพื้นที่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยได้จัดชุดเผชิญเหตุสารเคมีสนับสนุนการทำงานร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสามารณภัยอย่างใกล้ชิด

ข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่หลังจากเกิดระเบิดและเพลิงไหม้ที่โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลาประมาณ 03:30 น.วันที่ 5 ก.ค.2564 ทั้งยังเกิดระเบิดซ้ำอีกครั้งช่วง 12:00 น.ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอาสาเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บสะสมราว 23 ราย 

ส่วน 'นิพนธ์ บุญญามณี' รมช.มหาดไทย (มท.2) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ฯ เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 5 ก.ค. ไล่เลี่ยกับที่เฟซบุ๊กเพจกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เผยแพร่ข้อมูลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาฝุ่นควันจากเหตุดังกล่าว โดยช่วงบ่ายที่ผ่านมา หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง หากเข้าเงื่อนไขการทำฝน จะวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือทันที โดยจะประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมก่อนการปฏิบัติ เพื่อลดการเกิดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเฝ้าระวังอากาศและน้ำ อาจมีสารปนเปื้อน รวมถึงฝนพิษ สืบเนื่องจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่กิ่งแก้ว ทำให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเพจกรมฝนหลวงฯ ว่าการทำฝนหลวงอาจไม่ได้ช่วยบรรเทาฝุ่นควัน แต่จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้สารเคมีปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

เมื่อเวลา 19:30 น. ภาพและข้อความเรื่องคำสั่งนายกฯ ได้ถูกลบไปจากเพจกรมฝนหลวงฯ