คณะกรรมการตัดสินรางวัล 'พูลิตเซอร์' ด้านสื่อสารมวลชน ศิลปะ และสังคม มอบรางวัลพิเศษประจำปี 2564 ให้แก่ 'ดาร์เนลลา เฟรเซียร์' วัยรุ่นหญิงชาวอเมริกันซึ่งเพิ่งอายุครบ 18 ปีได้ไม่นาน จากการที่เธอบันทึกวิดีโอเหตุการณ์ตำรวจใช้กำลังควบคุมตัว 'จอร์จ ฟลอยด์' ชายชาวอเมริกันผิวดำ ในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตาของสหรัฐอเมริกา เมื่อ 25 พ.ค.2563 จนเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิต
เหตุผลที่คณะกรรมการมอบมอบรางวัลพิเศษครั้งนี้ เป็นเพราะการอัดคลิปของเฟรเซียร์ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญในการสอบสวนคดีจอร์จ ฟลอยด์ จึงเป็นการกระทำที่นำไปสู่การสืบหาความจริงและความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิต ทั้งยังเป็นการทำหน้าที่นักข่าวพลเมือง และคลิปดังกล่าวยังนำไปสู่การประท้วงการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุและการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐฯ ซึ่งมีต่อชาวอเมริกันผิวดำที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ รวมถึงประเทศอื่นๆ อีกหลายแห่งทั่วโลก
การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ นำไปสู่ข้อเรียกร้องให้ปฏิรูประบบตำรวจในสหรัฐฯ ด้วย เนื่องจากผลวิจัยจำนวนมากบ่งชี้ว่าวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงค่านิยมที่ถูกปลูกฝังในระบบ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเลือกปฏิบัติกับประชาชนที่มีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันในหลายกรณี
ขณะเดียวกัน 'ดีเร็ก ชอวิน' ตำรวจผู้ใช้เข่ากดหลังคอของฟลอยด์ ผู้อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้ากับพื้นถนน ถูกปลดจากงาน ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไม่เจตนาและอื่นๆ รวม 3 กระทง หลังจากฟลอยด์เสียชีวิต และคณะลูกขุนลงมติว่าชอวินผิดจริง เมื่อ 21 เม.ย.2564 ทำให้เขาถูกเพิกถอนสิทธิประกันตัวและรอการตัดสินบทลงโทษจากผู้พิพากษา
อย่างไรก็ตาม ดาร์เนลลา เฟรเซียร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @darnella_frazier03 เมื่อ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 1 ปีการเสียชีวิตของฟลอยด์ ระบุว่า เบื้องหลังรางวัล เบื้องหลังรอยยิ้ม และการประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ ที่เป็นผลจากวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าว เธอก็ยังต้องเยียวยาจิตใจตัวเองอยู่ เช่นเดียวกับครอบครัวของเธอที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นที่สนใจของสังคม
เธอระบุว่าเหตุการณ์ในวันนั้นมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอซึ่งต้องเป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์ที่คนผิวดำถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อหน้าต่อตา และเธอกล่าวด้วยว่า วิดีโอที่เธอถ่ายไม่อาจช่วยชีวิตจอร์จ ฟลอยด์ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผู้ที่ฆาตกรรมเขาหายไปจากท้องถนนได้