Skip to main content

สรุป

  • องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) และยูนิเซฟเปิดรายงานแรงงานเด็ก พบปี 2563 มีแรงงานเด็กเพิ่มขึ้นเป็น 160 ล้านคนทั่วโลก และพบว่าอีกหลายล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยงจากผลกระทบโควิด
  • รายงานเตือนว่าทั่วโลก มีเด็กอีก 9 ล้านคนที่มีความเสี่ยงจะถูกผลักให้เป็นแรงงานเด็กภายในสิ้นปี 2565 อันเป็นผลจากการระบาดใหญ่ แบบจำลองสถานการณ์แสดงให้เห็นว่าตัวเลขแรงงานเด็กอาจเพิ่มขึ้นเป็น 46 ล้านคน หากเด็กเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงการคุ้มครองทางสังคมที่จำเป็นได้
  • ไอแอลโอ และ ยูนิเซฟขอเรียกร้องให้มีการคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอสำหรับคนทุกคน รวมถึงสิทธิประโยชน์สำหรับเด็กแบบถ้วนหน้า เพิ่มการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาที่มีคุณภาพและให้เด็กทุกคนกลับไปเรียนหนังสือ รวมถึงเด็กที่ออกจากโรงเรียนก่อนการระบาดของโรคโควิด-19
  • เฮนเรียตตา โฟร์ ผู้อำนวยการบริหารองค์การยูนิเซฟ เผยเข้าสู่ปีที่ 2 ของการปิดเมืองทั่วโลก การปิดโรงเรียน ความปั่นป่วนและการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจ และงบประมาณของประเทศที่หดตัว ทำให้หลายครอบครัวถูกบีบให้ตัดสินใจในทางที่ทำให้หัวใจสลาย

แรงงานเด็กเพิ่มขึ้นเป็น 160 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.4 ล้านคนในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา เด็กอีกหลายล้านคนกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ข้อมูลจากรายงานฉบับใหม่ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ)

โดยรายงานฉบับดังกล่าวเปิดเผยตัวเลขประมาณการทั่วโลก ปี 2563 แนวโน้มและแนวทางสู่ความสำเร็จ ซึ่งเผยแพร่ก่อนวันต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลก วันที่ 12 มิ.ย. เตือนว่าความคืบหน้าในการยุติการใช้แรงงานเด็กได้สะดุดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ก่อให้เกิดการถอยกลับของแนวโน้มก่อนหน้านี้ที่จำนวนแรงงานเด็กลดลงที่ 94 ล้านคนในช่วงระหว่างปี 2543 ถึง 2559

รายงานฉบับนี้ชี้ว่า แรงงานเด็กอายุระหว่าง 5 – 11 ปี ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนเกินครึ่งของตัวเลขแรงงานเด็กทั่วโลก จำนวนเด็กอายุระหว่าง 5 – 17 ปี ที่ทำงานอันตรายซึ่งหมายถึงงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความปลอดภัยหรือศีลธรรมของเด็ก ได้เพิ่มขึ้นจาก 6.5 ล้านคนเป็น 79 ล้านคน นับตั้งแต่ปี 2559

“ตัวเลขประมาณการใหม่นี้ เป็นการเตือนว่าเราไม่สามารถนิ่งดูดาย ขณะที่เด็กรุ่นใหม่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง” กาย ไรเดอร์ ผู้อำนวยการใหญ่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าว “การคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุมทุกคนจะช่วยให้ครอบครัวสามารถให้เด็กๆ ได้เรียนหนังสือ แม้ในยามที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ การลงทุนเพิ่มขึ้นในการพัฒนาชนบทและงานที่มีคุณค่าในภาคเกษตรกรรมเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เราอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญและขึ้นอยู่กับเราเป็นอย่างมากว่าจะทำอย่างไร นี่เป็นเวลาที่จะแสดงความมุ่งมั่นและพลังอีกครั้งที่จะก้าวผ่านจุดวิกฤตและหยุดยั้งวงจรแห่งความยากจนและการใช้แรงงานเด็ก”

ในทวีปแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา การเติบโตของประชากร วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความยากจนอย่างรุนแรงและมาตรการการคุ้มครองทางสังคมที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้มีแรงงานเด็กเพิ่มขึ้นอีก 16.6 ล้านคน ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

แม้แต่ในภูมิภาคต่างๆ ที่มีความคืบหน้า อาทิ ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ละตินอเมริกาและแคริเบียน โควิด-19 กำลังเป็นอันตรายต่อความคืบหน้าที่มีมาตั้งแต่ปี 2559

รายงานเตือนว่าทั่วโลก มีเด็กอีก 9 ล้านคนที่มีความเสี่ยงจะถูกผลักให้เป็นแรงงานเด็กภายในสิ้นปี 2565 อันเป็นผลจากการระบาดใหญ่ แบบจำลองสถานการณ์แสดงให้เห็นว่าตัวเลขแรงงานเด็กอาจเพิ่มขึ้นเป็น 46 ล้านคน หากเด็กเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงการคุ้มครองทางสังคมที่จำเป็นได้

ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและการปิดโรงเรียนที่มีสาเหตุจากการระบาดของโรคโควิด-19 หมายความว่า เด็กที่เป็นแรงงานเด็กอยู่แล้วอาจมีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานขึ้น หรือตกอยู่ภายใต้สภาวะที่เลวร้ายลง ขณะที่เด็กอีกจำนวนมากอาจถูกบังคับให้ทำงานที่มีรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด เนื่องจากการตกงานและการสูญเสียรายได้ของครอบครัวในกลุ่มที่เปราะบาง

“เรากำลังพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับการใช้แรงงานเด็ก และในปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้การต่อสู้นั้นง่ายขึ้นเลย” เฮนเรียตตา โฟร์ ผู้อำนวยการบริหาร องค์การยูนิเซฟ กล่าว “ตอนนี้ เข้าสู่ปีที่สองของการปิดเมืองทั่วโลก การปิดโรงเรียน ความปั่นป่วนและการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจ และงบประมาณของประเทศที่หดตัว ทำให้หลายครอบครัวถูกบีบให้ตัดสินใจในทางที่ทำให้หัวใจสลาย เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศต่าง ๆ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการลงทุนในโครงการต่างๆ ที่สามารถช่วยให้เด็กออกจากงานและกลับไปเรียนหนังสือได้ และลงทุนในโครงการที่ให้การคุ้มครองทางสังคมที่สามารถช่วยให้ครอบครัวหลีกเลี่ยงการตัดสินใจให้ลูกออกมาทำงาน”

ข้อค้นพบประการอื่นๆ ในรายงานนี้รวมถึง: ภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนแรงงานเด็กคิดเป็น 70% (112 ล้านคน) ตามด้วย 20% ในภาคบริการ (31.4 ล้านคน) และ 10% ในภาคอุตสาหกรรม (16.5 ล้านคน) เกือบ 28% ของเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5  - 11 ปี และ 35% ของเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12 – 14 ปี เป็นแรงงานเด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือ การใช้แรงงานเด็กเป็นที่แพร่หลายในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงในทุกช่วงอายุ แต่เมื่อคำนึงถึงการทำงานบ้านอย่างน้อย 21 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  ช่องว่างระหว่างเพศในการใช้แรงงานเด็กจะแคบลง ความหนาแน่นของการใช้แรงงานเด็กในเขตพื้นที่ชนบท (14%) สูงกว่าในเขตพื้นที่เมือง (5%) เกือบสามเท่า เด็กที่เป็นแรงงานเด็กมีความเสี่ยงต่ออันตรายทางร่างกายและจิตใจ การใช้แรงงานเด็กกระทบต่อการศึกษาของเด็กๆ จำกัดสิทธิและโอกาสในอนาคตของเด็ก และนำมาสู่วงจรอุบาทว์ของความยากจนและการใช้แรงงานเด็กในแต่ละช่วงอายุคน เพื่อให้แนวโน้มที่กำลังเพิ่มขึ้นของการใช้แรงงานเด็กถอยกลับลงไป 

ไอแอลโอ และ ยูนิเซฟขอเรียกร้องให้มีการคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอสำหรับคนทุกคน รวมถึงสิทธิประโยชน์สำหรับเด็กแบบถ้วนหน้า เพิ่มการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาที่มีคุณภาพและให้เด็กทุกคนกลับไปเรียนหนังสือ รวมถึงเด็กที่ออกจากโรงเรียนก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งเสริมงานที่มีคุณค่าสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้ครอบครัวไม่ต้องพึ่งพาเด็กๆ ในการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ยกเลิกบรรทัดฐานทางเพศสภาพที่เป็นอันตรายและการเลือกปฏิบัติที่มีอิทธิพลต่อการใช้แรงงงานเด็ก ลงทุนในระบบการคุ้มครองเด็ก การพัฒนาการเกษตร การบริการสาธารณะในเขตพื้นที่ชนบท โครงสร้างพื้นฐานและการดำรงชีวิต ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของปีแห่งการขจัดการใช้แรงงานเด็ก พันธมิตรความร่วมมือระดับโลก 8.7 (global partnership Alliance 8.7) ซึ่งยูนิเซฟและไอแอลโอ เป็นภาคีหุ้นส่วน ได้ให้การสนับสนุนประเทศสมาชิก ธุรกิจ สหภาพแรงงาน ภาคประชาสังคม และองค์การระหว่างประเทศต่างๆ เพิ่มความพยายามขึ้นเป็นสองเท่าในการต่อสู้กับการใช้แรงงานเด็กทั่วโลกโดยการให้คำมั่นในการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม

การใช้แรงงานเด็ก : การประมาณการทั่วโลก ปี  2563 แนวโน้มและแนวทางสู่ความสำเร็จ เป็นรายงานร่วมฉบับแรกของไอแอลโอ และ องค์การยูนิเซฟ และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระหว่างหน่วยงานในการวัดผลและติดตามความคืบหน้าในการบรรลุุเป้าหมาย 8.7 แห่งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การประมาณการใช้วิธีการอนุมานข้อมูลจากการสำรวจ 106 ครั้งที่ครอบคลุมมากกว่า 70% ของจำนวนประชากรโลกที่เป็นเด็ก อายุตั้งแต่ 5 -17 ปี