Skip to main content

เจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ,นพ.จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่, พล.ต.วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมการแพทย์ทหารบก, สุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และ อรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือในการบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และระบาดในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด จึงนำมาตรการควบคุมโรคแบบปิด หรือ มาตรการ Bubble & Seal เป็นระยะเวลา 28 วัน พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ โดยความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่,กองทัพภาคที่ 3 และกรมการแพทย์ทหารบก กองทัพบก รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อด้วยมาตรฐานเดียวกับประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกันทำการคัดกรองตรวจหาผู้ติดเชื้อในผู้ต้องขังทุกคนเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด และตรวจหาภูมิคุ้มกันผู้ต้องขังทุกคนทุก14วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะเหลือผู้ต้องขังที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเพียงไม่เกิน10%และเรือนจำปลอดเชื้อ ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และตามแผนจะสามารถส่งมอบคืนพื้นที่ให้เรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ในวันที่ 28 พ.ค.64 ส่วนตัวเลขจำนวนผู้ต้องขังติดเชื้อกว่า 3,000 คน  ยืนยันว่าทุกอยู่ภายใต้การดูแลรักษาอย่างดี ขณะที่ผู้พ้นโทษยังจะต้องได้รับการกักตัวอีก14วันใน local quarantine หรือสถานที่ที่จัดไว้ให้ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ต้องขังสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและไม่ส่งผลกระทบกับชุมชน

ด้าน นพ.จตุชัย กล่าวว่า การดำเนินการตามมาตรการ Bubble & Seal ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เป็นการควบคุมโรคในพื้นที่ปิดเพื่อจำกัดไม่ให้มีการระบาดระหว่างแดน เป็นเวลา28วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.64 โดยเร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อในผู้ต้องขังทุกคนและเร่งให้การรักษา พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่มีศักยภาพสูงในการรักษาคนไข้ ซึ่งตลอดช่วง3สัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี มีเพียง 6 ราย เท่านั้นที่อาการหนัก จำเป็นต้องส่งตัวรักษาในโรงพยาบาลหลัก ขณะที่การตรวจหาภูมิคุ้มกันจะทำหลังกักตัวครบ14วัน 2 รอบ ซึ่งตามทฤษฎีจะเหลือผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเพียง10% โดยเวลานี้เหลืออีกประมาณ1สัปดาห์จะครบและทำการตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันผู้ต้องขังทุกคน ซึ่งจะใช้เวลาอีก 5 วัน จากนั้นจะสามารถส่งมอบคืนพื้นที่ให้ได้ในวันที่ 28 พ.ค.64 ตามแผน ทั้งนี้ย้ำว่าจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำกลางไม่มีผลต่อการพิจารณาปรับระดับพื้นที่ควบคุมของจังหวัดเชียงใหม่ เพราะเป็นการระดบาดในพื้นที่ปิดและไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ที่แท้จริง

ขณะที่ พล.ต.วุฒิไชย กล่าวว่า การควบคุมโรคในพื้นที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ครั้งนี้ ภารกิจของทหารที่ได้รับการมอบหมายคือสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ที่มีขีดจำกัด ดูแลรักษาด้วยมาตรฐานเดียวกับประชาชน ซึ่งภายใต้ข้อจำกัดทั้งหมดถือว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันดำเนินการสามารถทำงานได้อย่างดียิ่ง โดยผู้ต้องขังทุกคนจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันอย่างน้อย 2 ครั้ง หลังกักตัวครบทุก 14วัน ยอมรับว่ามีผู้ต้องขังที่ติดเชื้ออยู่ประมาณ 60% แต่อีกไม่กี่วันคาดว่า 44% จะพ้นระยะแล้ว ส่วนการตรวจภูมิคุ้มกันในผู้ต้องขังล่าสุดพบว่ามีผู้ต้องขังที่มีภูมิคุ้มกันแล้ว 24.27% ทั้งนี้มั่นใจว่าเมื่อครบ28วัน การดำเนินงานจะประสบผลตามเป้าหมายในการควบคุมโรคทำให้เรือนจำกลางเชียงใหม่ปลอดเชื้อโควิด-19 ปลอดภัยสำหรับผู้ต้องขังทุกคน และไม่มีเชื้อเล็ดลอดแพร่สู่ภายนอก พร้อมส่งมอบคืนพื้นที่ให้กับทางเรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ 

ส่วนประเด็นตัวเลขผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 นั้น ยอมรับว่าจำนวนมากกว่า 3,000 ราย อย่างไรก็ตามมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเป็นตัวเลขที่มีความเคลื่อนไหว แต่ประเด็นสำคัญยืนยันว่าทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีและไม่มีเชื้อเล็ดลอดออกมา ทั้งนี้การระบาดในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เกิดจากญาติที่ไปเยี่ยมผู้ต้องขังนำเชื้อเข้าไป จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว 

สุรศักดิ์ ยืนยันว่า ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำกลางเชียงใหม่ได้แล้ว ทั้งนี้เรือนจำกลางเชียงใหม่เป็นเรือนจำความมั่นคงสูงสุด มี 10 แดน เริ่มมเกิดเหตุจากแดน4 ที่เป็นแดนแรกรับ มีการตรวจหาเชื้อและกักตัว โดยมีการแยกขังผู้ต้องขังใหม่อย่างน้อย 14 วัน ในห้องที่มี 7 ห้อง ซึ่งระหว่างที่แยกขังนั้น ยังมีการไปทำกิจกรรมในแดนอื่นทำให้เกิดการระบาด โดยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องขอโทษทุกฝ่ายและถือว่าเป็นประสบการณ์สำคัญว่าจากนี้การกักตัวเพียง 14วันอาจจะไม่เพียงพอและอาจต้องทำการตรวจหาเชื้อทุกวัน พร้อมกันนี้ยืนยันว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19ทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีด้วยมาตรฐานสาธารณสุขเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ทั้งนี้มีการให้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อกินฟ้าทลายโจร,วิตามินซี และขิงขาว ซึ่งปรากฏว่าได้ผลดีและทำให้มีภูมิคุ้มกันด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.ถนัดพล เปิดเผยว่า การระบาดที่เกิดขึ้นในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เกิดจากญาติที่ไปเยี่ยมผู้ต้องขังนำเชื้อเข้าไป จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว