- 'อีแจยอง' และ 'อีดายอง' นักวอลเลย์บอลฝาแฝดเกาหลีใต้ ถูกแบนไม่มีกำหนด
- สาเหตุเกิดจากเพื่อนสมัยเรียนเปิดโปงว่าเคยถูกทั้งคู่กลั่นแกล้งรังแกหลายเรื่อง
- ทั้งคู่แถลงผ่านอินสตาแกรมว่า "ขออภัยต่อพฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบในอดีต"
- ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการกลั่นแกล้ง รวมถึงการรีดไถ ทำร้ายร่างกาย ใช้มีดข่มขู่
::: ชาวเน็ตเรียกร้องให้แบนทั้งคู่จากทีมชาติเป็นการถาวร :::
อดีตเพื่อน 4 คนที่เคยร่วมทีมวอลเลย์บอลสมัยมัธยมของ 'อีแจยอง' และ 'อีดายอง' นักวอลเลย์บอลหญิงฝาแฝด วัย 24 ปี ซึ่งเป็นดาวรุ่งทีมชาติเกาหลีใต้ ออกมาเผยแพร่ข้อมูลออนไลน์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่าเคยถูกทั้งคู่กลั่นแกล้งรังแก (bullying) รวม 21 ข้อกล่าวหา ทั้งขโมยเงิน บังคับให้ซักผ้าแทน ทำร้ายร่างกาย ใช้มีดข่มขู่
สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลเกาหลีใต้จึงประกาศห้ามทั้งคู่ลงแข่งขันร่วมกับทีมชาติโดยไม่มีกำหนด ซึ่งจะทำให้ทั้งคู่หมดสิทธิไปแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.นี้ และผู้ใช้เน็ตในเกาหลีใต้จำนวนมากเรียกร้องให้แบนทั้งคู่จากการเข้าร่วมทีมชาติเป็นการถาวร
::: มีคนเคยถูกรังแกอย่างน้อย 4 คน :::
ส่วนฝาแฝดนักวอลเลย์บอลไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมโดยระบุว่า ขออภัยต่อพฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบในอดีต ขณะที่ทีมวอลเลย์บอลต้นสังกัดของทั้งคู่ 'ฮึงกุก ไลฟ์ พิงก์ สไปเดอร์' ซึ่งเป็นทีมวอลเลย์บอลหฐิงที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ แถลงขออภัยสาธารณชนที่พฤติกรรมนักกีฬาทำให้รู้สึกผิดหวัง พร้อมย้ำว่า การกลั่นแกล้งรังแกไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้น และไม่อาจยอมรับได้
ก่อนหน้านี้ ฝาแฝดถูกแฟนวอลเลย์บอลต่อว่าในโซเชียลมีเดียว่าฟอร์มตก เล่นได้ไม่ดีนัก ทำให้แฟนวอลเลย์บอลบางส่วนออกมาปกป้องว่าสาเหตุที่พวกเธอเล่นได้ไม่ดีนัก อาจเป็นเพราะเกิดความขัดแย้งกับ ‘คิมฮยอนคยอง’ นักวอลเลย์บอลรุ่นพี่และกัปตันทีม
และในช่วงนั้น อีดายองก็ได้โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลว่า "คนที่บุลลี่อาจสนุก แต่คนถูกบุลลี่รู้สึกอยากตาย" ซึ่งข้อความดังกล่าวส่งผลให้อดีตเพื่อนร่วมทีมของฝาแฝดคู่นี้ออกมาแฉว่า พวกเธอก็เคยรังแกเพื่อนร่วมทีมสมัยเรียนมัธยมเช่นกัน โดยผู้ออกมาเปิดเผยระบุว่า มีคนอย่างน้อย 4 คนที่ถูกทั้งคู่รังแก ทั้งยังเกิดบาดแผลทางใจมาจนถึงปัจจุบัน
::: การกลั่นแกล้งในแวดวงกีฬาเกาหลีใต้ไม่ใช่เรื่องใหม่ :::
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า นักวอลเลย์บอลฝาแฝดเป็นบุคคลมีชื่อเสียงทั้งในวงการกีฬาและได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์ด้วย แต่การเปิดเผยเรื่องกลั่นแกล้งในอดีตทำให้ทั้งคู่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะก่อนหน้านี้เคยมีนักกีฬาเกาหลีใต้ฆ่าตัวตายมาแล้ว เนื่องจากถูกเพื่อนร่วมทีมและโค้ชปฏิบัติอย่างกดขี่ข่มเหง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียนและที่ทำงาน รวมถึงการฝึกซ้อมนักกีฬาโดยใช้วิธีกดดัน-ทารุณทางกายและทางใจ เป็นปัญหาที่เกาหลีใต้เผชิญมายาวนาน แต่เพิ่งจะถูกกล่าวถึงอย่างจริงจังในสังคมไม่ถึงทศวรรษที่ผ่านมา เพราะสถิตินักกีฬาฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ทั้งหญิงและชาย
ก่อนหน้านี้มีกรณีของชิมซ็อกฮี นักกีฬาไอซ์สเก็ตหญิง ที่ออกมาเปิดเผยเมื่อปี 2561 ว่าตัวเองถูกโค้ชฝึกซ้อมด้วยวิธีทารุณทั้งทางร่างกายและจิตใจตั้งแต่อายุได้ 7 ปี โดยโค้ชเคยใช้ไม้ฮ็อกกีตีจนนิ้วหัก ทั้งยังถูกละเมิดทางเพศเมื่อเข้าเรียนมัธยม และเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อดีตโค้ชของเธอถูกลงโทษจำคุก 10 ปีในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจ แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ