Skip to main content

มิเชล วู นายกเทศมนตรีเมืองบอสตัน  รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ต้องการปรับปรุงระบบการขนส่งสาธารณะของเมือง เธอจึงลงพื้นที่ไปสัมผัสและเดินทางด้วยการใช้งานระบบขนส่งของเมืองด้วยตัวเอง พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวที่เธอได้เรียนรู้ผ่านช่องทาง TikTok 

นายกเทศมนตรีเมืองบอสตัน เริ่มต้นเช้าวันใหม่วันหนึ่งด้วยการใช้เวลา 50 นาทีเดินทางด้วยรถขนส่งสาธารณะ เพื่อไปยังที่ทำงานของประชาชนชาวเมืองบอสตันคนหนึ่ง โดยการเดินทางครั้งนี้ วูต้องเปลี่ยนรถบัส 2 ครั้ง และเดินบนถนนที่ไม่มีทางเท้าอีก 20 นาที 

“วันนี้เราจะเดินทางไปกับเบ็คกี้ค่ะ เบ็คกี้เป็นคุณครู และเราจำเป็นต้องพาเธอไปให้ถึงโรงเรียนที่ไบรตันด้วยรถบัส เพื่อให้เธอมีเวลาเตรียมตัวก่อนที่นักเรียนจะเดินทางไปถึงโรงเรียน” วูกล่าวเริ่มต้นในวิดีโอที่เผยแพร่ใน TikTok ของตัวเอง 

นี่เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญโซเชียลมีเดียของวู ที่เธอใช้เวลาสัปดาห์ละสองถึงสามครั้งในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะร่วมกับชาวเมืองบอสตัน ซึ่งเป้าหมายคือ “เพื่อสัมผัสทุกมิติของระบบขนส่งสาธารณะ พร้อมมองหาวิธีที่จะแก้ไขและทำให้ระบบขนส่งสาธารณะของเมืองดีขึ้น” 

ก่อนจะแยกกัน วูถามเบ็คกี้ว่า คุณอยากเห็นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงของระบบขนส่งสาธารณะของเมืองอย่างไรบ้าง? เบ็คกี้กล่าวว่า “ฉันอยากให้เพิ่มรถบัสมากขึ้นและมีรถบัสไปทั่วทุกพื้นที่ของเมือง ระบบรถไฟที่สามารถเปิดใช้งานได้ดี โดยไม่ต้องปิดปรับปรุงบ่อยๆ ก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากเห็น และอยากให้ป้ายรถเมล์มีฮีทเตอร์ เพราะช่วงหน้าหนาวมันหนาวมากค่ะ” 

ชาวบอสตันที่ปรากฏในวิดีโอของวูมีความแตกต่างหลากหลาย และผู้ใช้ TikTok ยังสามารถแสดงความคิดเห็น รวมถึงขอให้วูร่วมเดินทางไปกับพวกเขา ซึ่งการร่วมเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ พร้อมกับชาวเมืองบอสตันในแคมเปญนี้ ทำให้วูมองเห็นปัญหาเกี่ยวกับระบบขนส่งสาธารณะของเมืองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางเท้าที่หายไป รถบัสเต็มจนไม่สามารถขึ้นรถได้ ประชาชนรอรถบัสนานกว่า 15 นาที หรือไม่มีป้ายรถบัสให้ประชาชนนั่งรอรถ เป็นต้น 

“เราอยู่ในช่วงเวลาที่โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งสาธารณะในบอสตันกำลังประสบปัญหา เพราะเรามีปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุงที่ถูกผัดผ่อนออกไปเรื่อยๆ และตอนนี้ก็มีปัญหาอื่นที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมากมาย ซึ่งฉันอยากเข้าใจส่วนอื่นๆ ของระบบให้ดีมากขึ้น” วูกล่าว

ทั้งนี้ แคมเปญของวูได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบางอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสัญญาณเพื่อความปลอดภัยของคนเดินเท้า รวมถึงการเปลี่ยนป้ายถนนเพื่อทำให้การนำทางง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม วูวางแผนที่จะทำแคมเปญนี้ต่อไปในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากเธอได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน 

“ฉันหวังว่าการแสดงให้เห็นว่าประชาชนของเรามีปัญหาเรื่องการเดินทางอย่างไร จะทำให้เราสามารถผลักดันให้มีการปรับปรุงมากขึ้น ก้าวหน้าเร็วขึ้น และมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญกับประชาชนของเราจริงๆ” วูกล่าวปิดท้าย