Skip to main content

สรุป

  • ไวซ์ไซท์ เผยรายงานภาพรวมการใช้โซเชียลมีเดีย 4 แพลตฟอร์มของภาคธุรกิจกว่า 2,000 แบรนด์ชั้นนำ ใน 20 กลุ่มอุตสาหกรรมตลอดปี 2563 พบว่า 'เฟซบุ๊ก' ยังเป็นช่องทางหลักที่แบรนด์ต่างๆ เลือกใช้ทำตลาด โดยพื้นที่บนโซเชียลมีเดียของบัญชีทางการ แบรนด์เลือกใช้เฟซบุ๊กมากที่สุดถึงร้อยละ 99 ตามด้วยอินสตาแกรม ยูทูบและทวิตเตอร์
  • ร้อยละ 82 ของแบรนด์มีบัญชีทางการอย่างน้อย 2 แพลตฟอร์ม โดยใช้เฟซบุ๊กเป็นหลัก ส่วนแพลตฟอร์มแห่งถัดไปที่เลือกใช้จะเป็นไปตามไลฟ์สไตล์ของธุรกิจนั้น เช่นธุรกิจความสวยงาม อาหาร การท่องเที่ยว หรือชอปปิงจะใช้อินสตาแกรม ส่วนธุรกิจรถยนต์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะใช้ยูทูบ
  • คอนเทนต์บนทวิตเตอร์ของแบรนด์ต่างๆ ที่กล่าวถึงศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเกาหลีหรือคู่จิ้น มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเอ็นเกจเมนต์

'ไวซ์ไซท์' บริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดีย เผยรายงานภาพรวมการใช้โซเชียลมีเดีย 4 แพลตฟอร์มของภาคธุรกิจกว่า 2,000 แบรนด์ชั้นนำตลอดปี 2563 พบว่า เฟซบุ๊กยังคงครองแชมป์แพลตฟอร์มหลักในการทำตลาดของแบรนด์ธุรกิจต่างๆ  

ไวซ์ไซท์ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและสถิติการใช้งาน เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, อินสตาแกรม, และยูทูบของภาคธุรกิจกว่า 2,000 แบรนด์ชั้นนำจาก 20 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 3 ล้านข้อความที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี 2563 ผ่าน “INSTANT REPORT BUSINESS USAGE ภาพรวมการใช้งานโซเชียลมีเดียเชิงธุรกิจ 2020” พบว่าแบรนด์ได้รับเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) รวมกว่า 632 ล้านคร้ัง และมีการโพสต์รวมมากกว่า 3 ล้านคร้ัง

ไวซ์ไซท์ เผยภาพรวมการใช้โซเชียลมีเดีย 4 แพลตฟอร์มเชิงธุรกิจในปี 2563

แบรนด์ส่วนใหญ่ต่างเน้นใช้พื้นที่บนเฟซบุ๊กเป็นหลัก จึงทำให้เอ็นเกจเมนต์และจำนวนการโพสต์ราวร้อยละ 85 มาจากเฟซบุ๊กทั้งสิ้น รองลงมาคืออินสตาแกรมที่มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 โดยธุรกิจที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงสุดทั้งบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเป็นกลุ่มเดียวกัน คือ Beauty & Personal Care  แต่ธุรกิจที่มีการโพสต์บ่อยที่สุดทั้ง 2 แพลตฟอร์มคือกลุ่ม Department Store 

'เฟซบุ๊ก' ยังยืนหนึ่ง เป็นช่องทางโซเชียลมีเดียหลักในการทำตลาดของแบรนด์

ไวซ์ไซท์ระบุว่า พื้นที่บนโซเชียลมีเดียของบัญชีทางการแบรนด์เลือกใช้เฟซบุ๊กมากที่สุดถึงร้อยละ 99 รองลงมาคือ อินสตาแกรมที่ร้อยละ 65 ตามด้วยยูทูบ ร้อยละ50 และทวิตเตอร์ร้อยละ 29 

ร้อยละ 82 ของแบรนด์ มีบัญชีทางการอย่างน้อย 2 แพลตฟอร์ม โดยใช้เฟซบุ๊กเป็นหลัก ส่วนแพลตฟอร์มแห่งถัดไปที่เลือกใช้จะเป็นไปตามไลฟ์สไตล์ของธุรกิจนั้น เช่นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความสวยงาม อาหาร การท่องเที่ยว หรือชอปปิงจะใช้อินสตาแกรม โดยประเภทคอนเทนต์ที่แบรนด์ต่างๆ ใช้มากที่สุดบนไอจีคือรูปภาพ แต่การโพสต์วิดีโอมีแนวโน้มได้เอ็นเกจเมนต์มากกว่า ส่วนธุรกิจรถยนต์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะใช้ยูทูบ และมีเพียงแค่ร้อยละ 18 ของแบรนด์เท่านั้นที่ยังคงใช้เพียงแค่ 1 แพลตฟอร์มในการทำการตลาดกับผู้บริโภค 

ไวซ์ไซท์ เผยภาพรวมการใช้โซเชียลมีเดีย 4 แพลตฟอร์มเชิงธุรกิจในปี 2563

ไวซ์ไซท์ระบุว่า เอ็นเกจเมนต์ของบัญชีทางการบนเฟซบุ๊กมีแนวโน้มลดลง ขณะที่จำนวน โพสต์กลับเพิ่มขึ้น จุดเปลี่ยนสำคัญคือช่วงมีคำสั่งล็อกดาวน์ และเมื่อพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวของเอ็นเกจเมนต์พบว่ามีบางธุรกิจที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์ เพิ่มขึ้นในช่วงล็อกดาวน์เช่น กลุ่ม Delivery & Logistic ที่มีเอ็นเกจเมนต์เพิ่มขึ้นไปจนถึงสิ้นปีส่วน E-Commerce Platform ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะลดลงช่วงปลายปีเพราะหันไปใช้ทวิตเตอร์เพื่อโปรโมทแคมเปญแทน 

ส่วนในบรรดาปุ่มเอ็นเกจเมนต์ทั้งหมด พบว่าปุ่ม Like ถูกใช้สูงสุดถึงร้อยละ 96 เนื่องจากเป็นปุ่มแรกและกดง่าย ขณะที่ Angry ถูกใช้มากที่สุดกับธุรกิจด้าน Telecommunication และ Bank  จากเหตุการณ์ระบบล่มหรือสัญญาณล่ม 

เอ็นเกจเมนต์ของแบรนด์บน 'ทวิตเตอร์' มักมาจากคอนเทนต์ที่กล่าวถึงศิลปิน

ขณะที่บนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ เอ็นเกจเมนต์ของบัญชีทางการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากแบรนด์โปรโมทแคมเปญผ่านทวิตเตอร์ในช่วงปลายปี และส่วนใหญ่มีการใช้ศิลปินเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาจึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขณะที่จำนวนโพสต์ภาพรวมคงที่ แต่จำนวนแบรนด์ที่โพสต์บนทวิตเตอร์กลับลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มการท่องเที่ยวและรถยนต์ 

กลุ่มธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์มทวิตเตอร์มากที่สุดคือ Beauty & Personal Care แต่เอ็นเกจเมนต์ที่สูงที่สุดไปอยู่ในกลุ่มธุรกิจ E-Commerce ส่วนลักษณะของเอ็นเกจเมนต์ในทวิตเตอร์พบการกด Favorite มากที่สุด ตามด้วย Retweet และ Reply ตามลำดับ โดยเอ็นเกจเมนต์บนบัญชีทางการของแบรนด์ในทวิตเตอร์มักถูกขับเคลื่อนด้วยคอนเทนต์ที่กล่าวถึงศิลปินเป็นหลัก ในปี 2563 มีการใช้ท้ัง ศิลปินเกาหลีหรือคู่จิ้นมาช่วยโปรโมทแคมเปญให้กับแบรนด์มากขึ้น และแบรนด์เหล่านั้นก็จะเลือกใช้ทวิตเตอร์เป็นหลักในการโปรโมท เนื่องจากมีโอกาสได้รับการตอบรับที่ดีกว่า 

ส่วนแพลตฟอร์มยูทูบ กลุ่มธุรกิจที่ใช้ช่องทางนี้มากที่สุดก็คือกลุ่ม  Automotive & Dealer ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ได้รับยอดเข้าชมรวมสูงสุดบนยูทูบ คือกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งที่มีและไม่มีแอกอฮอล์