Skip to main content

สมยศ พฤกษาเกษมสุข และจตุรภัทร์ บุญภัทรรักษา สองแกนนำกลุ่มราษฎร ที่ตกเป็นผู้ต้องหาการละเมิดกฏหมายอาญา มาตรา 112 จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้วงเงินประกัน 2 แสนบาท และมีเงื่อนไขห้ามทำกิจกรรมเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ 

ภายหลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ช่วงเย็นของวันที่ 23 เม.ย. 2564 โดยมีผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันเดินทางไปให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง สมยศ เปิดใจว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่มีส่วนสำคัญในการรายงานข่าว และขอบคุณประชาชนที่ได้ส่งเสียงเรียกร้องในการปล่อยตัวเขากับไผ่ในวันนี้ มีภารกิจที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และทนายอานนท์ นำภา

"พรรคพวกเราก็ยังทุกข์ทรมานในเรือนจำขณะนี้"

สมยศบอกเขาจะไม่หยุดการเคลื่อนไหวเพื่อทวงความเป็นธรรมให้กับพรรคพวกที่ถูกจับอยู่ในเรือนจำ การประกันตัวเป็นสิทธิพื้นฐานที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ วันนี้ขอขอบคุณศาลที่ในสิทธิที่จะประกันตัวออกมาสู้คดี 

"การที่ไม่ได้ประกันตัวออกมาสู้คดี หมายถึงว่าตัดสินความผิดเขาล่วงหน้าไปแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเรา จะได้ออกมาสู้คดีกันตามกระบวนการยุติธรรมปกติ" 

สมยศ บอกต่อว่า การที่ไม่ให้เราสู้คดี แล้วอยู่ในเรือนจำนั้น หมายถึงการ "มัดมือชก" ในคดีความ เพราะไม่ใช่คดีปกติ เป็นคดีพิพาทระหว่างรัฐกับราษฎร ถ้าศาลไม่ให้ประกันตัว เท่ากับกระบวนการทั้งหมดยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ

เขาได้พูดถึงเพนกวินด้วยว่า เพนกวินบำเพ็ญเพียร และเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ในการต่อสู้อย่างสันติวิธี เป็นการทรมานตนเอง เพื่อบอกให้สังคมทราบถึงความไม่เป็นธรรม และมีความชัดเจนอยู่ว่าจะได้รับการปล่อยตัวออกมาต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

"ก็หวังว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ คือทุกคนได้ปล่อยตัวมาแล้วก็ต่อสู้กัน ไม่เช่นนั้นจะตอบคำถามเรื่องกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร นึกออกไหมครับว่าฝ่ายรัฐมีอัยการอยู่ข้างนอก ฝ่ายราษฎรอยู่ในคุก การอยู่ในคุกโอกาสในการต่อสู้คดีไม่มีเลย แล้วยิ่งตอนนี้นอกจากสูญเสียอิสรภาพในคุกยังถูกโควิดทับอีกชั้นหนึ่ง อย่างผมถูกกักตัว 3 รอบ รอบละ 14 วัน หมายความว่าเราจะไม่เห็นสายลมแสงแดดเลย"  

เขาบอกต่อว่า กระทรวงยุติธรรมควรพิจรณาเรื่องโควิด-19 ในเรือนจำติดโควิด 3 คนแล้วทั้งนักโทษ และผู้คุม ควรจะให้มีการปล่อยตัว หนึ่งทุกคนจะได้ออกมาต่อสู้คดี สองคนที่เป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว ควรจะปล่อยตัวออกมาในรูปของการพักโทษ เหมือนกรณีของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา 

"ถ้าปล่อยรวมตัวกันอยู่ในคุกโควิดไปถึงแน่นอน แล้วก็ไปถึงแล้วด้วย แล้วมาตรการโควิดนี้ก็จะไปกดทับเสรีภาพ กดทับการใช้ชีวิต เป็นความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ทุกคนเสี่ยงภัย ไม่ว่าจะเป็นอานนท์ นำภา เพนกวิน"  

สมยศ ยอมรับว่า การที่เขาและไผ่ได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้ เป็นสัญญานที่ดี เพราะได้พยายามต่อสู้ในเรื่องสิทธิ "สิทธิที่ศาลให้ก็เป็นสิทธิของพวกเรา สิทธิที่จะได้ต่อสู้คดี ซึ่งผมแถลงที่ศาลแล้วว่า ผมจะต่อสู้คดียังไงถ้าผมติดคุกอยู่"

ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งอยู่ในคุกฝ่ายหนึ่งอยู่นอกคุก อีกทั้งรัฐยังมีทรัพยากรมหาศาลในการกล่าวหา ในการปรักปรำ "จับพวกผมไปอยู่ในคุกผมจะพูดว่าอย่างไร ผมหมดสิทธิเลยนะครับ" เขาบอกต่อว่า "พอโดนมาตรการโควิดเข้าไปมันเหมือนไม่ใช่จำเลยเหมือนเชลยศึก"

"อย่างส่งตัวไปศาลตรวจค้น 5 รอบ พอไปถึงศาลผมจะชู 3 นิ้ว ไม่ได้ ผมเจอลูกสาวจะไปกอดลูกสาวไม่ได้แล้ว มันเหมือนมีแส้มาหวดมือผมทุกครั้ง แล้วก็การพิจาณาห้ามญาติเข้าไปข้างใน เลยเกิดกรณีทนายความถอนตัว ซึ่งเราได้ชี้แจงว่ากระบวนการแบบนี้ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าในกระบวนการยุติธรรมได้" สมยศบอก

เขาบอกต่อว่า อยากให้ศาลหรือผู้ปกครองประเทศ พิจารณาที่รากฐานของปัญหา ถ้ามองที่ปรากฏการณ์ของเพนกวินหรืออานนท์จะไม่เข้าใจ คือคนเหล่านี้ปราถนาดีต่อชาติบ้านเมือง จึงมีข้อเรียกร้องเพื่อการปฏิรูป เพื่อแก้ปัญหาประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรียกรัฐธรรมนูญ เรื่องให้รัฐบาลลาออก ถ้าเข้าใจประเด็นนี้ นี่คือข้อพิพาทระหว่างรัฐกับราษฎร

"พวกผมไม่ใช่อาชญากรประเภทยิงใครตาย ปล้นสะดมใคร แต่เป็นเพราะความคิดเห็น เป็นเพราะอุดมการณ์ที่แตกต่างจากผู้ปกครอง"

เพราะฉะนั้นถ้ามองไปที่รากฐานของปัญหา จะเข้าใจว่าจะให้ต่อสู้อย่างไร ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่ปกติ เช่นไม่ให้ประกันตัว เท่ากับเป็นการลงทุนในต้นทุนของศาล ศาลซึ่งต้องปกป้องเสรีภาพ แต่พวกตนไม่มีเสรีภาพจะต่อสู้ ตรงนี้จึงต้องมองไปที่รากของปัญหา ไม่ใช่มองไปที่ปรากฏการณ์ "คือคนเขาไม่เห็นด้วยกับรัฐในปัจจุบัน" 

สมยศ บอกด้วยว่า ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด วันนี้คือสัญญานที่ดี ที่ผ่านมาได้พยายามต่อสู้เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ว่า นี่คือสิทธิอันพึงมีพึงได้ ถ้าศาลไม่สามารถให้ได้ เคยเสนอตัวด้วยซ้ำว่ากรุณาเอาโทษประหารชีวิตให้เลย และถ้าไม่ได้สุดท้ายก็ต้องยอมตาย

"เสรีภาพมันเหมือนลมหายใจ และมันหมายถึงความเป็นมนุษย์ของเรา และก็ความเป็นพลเมืองในประเทศนี้ด้วย" สมยศบอกนี่คือความหวังในการต่อสู้ 

ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี สมยศบอกว่า อยากให้สื่อมวลชนไปเปิดเทปของทุกคนที่ถูกกล่าวหาฟัง จะเห็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งที่เกิดขึ้น และข้อเท็จจริงอันนี้สังคมไทยต้องยอมรับว่ามีคนพูดละคนเหล่านี้คือคนพูดความจริง "คนแบบเขาไม่ควรจะมีคดีด้วยซ้ำไป ถ้าเปรียบเทียบไปก็เหมือนโดนร่างแห คล้ายๆ ว่า เวียงแหไปมีผมติดไปด้วย" 

"จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ที่ผมกระทำความผิด แต่เป็นเพราะผมมีความคิดความอ่าน มีเสรีภาพที่ของผมที่แตกต่างไปจากผู้ปกครองประเทศขณะนี้" 

สมยศยืนยันหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จะรวบรวมพยานหลักฐาน และจะไปต่อสู้ว่า สิ่งที่พวกเขาได้พูด ได้คิด ได้ทำกัน เมื่อวันที่ 19 กันยายน มีความปราถนาดีต่อชาติบ้านเมือง แลไม่มีข้อความอันใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย และมั่นใจในความบริสุทธิ์

"ผมเองก็แถลงกับศาลไปนะว่า คดีนี้มันไม่เหมือนคดีทั่วไป คดีทั่วไปอาจจมีบางคนเขาสาสมใจที่ติดคุก หรือตายไปก็ดี แต่ว่าคดีแบบนี้มีคนจำนวนมากเสียน้ำตาให้คดีนี้ มีคนจำนวนมากต้องโดนกระสุนยาง เพื่อเรียกร้องการปล่อยตัวของพวกผม ต้นทุนของคดีนี้สูง และผมก็ไม่ปราถนาความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากคดีนี้ การที่ประชาชนออกมาเรียกร้องนี่คือปัญหาที่แท้จริง" 

"เรื่อง 112 ผมพูดมานานแล้วเป็นปัญหาของประเทศไทย ที่จะต้องมีการพิจารณา อยากจะให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณานี้อย่างจริงจัง เพราะว่าเป็นเสรีภาพของประชาชนที่ควรจะได้วิพากษ์วิจารณ์ได้แสดงความคิดเห็น อันนี้ก็จะช่วยให้ประเทศไทยเดินหน้าด้านสิทธิมนุษยชนไปได้"

ด้าน จตุรภัทร์ เผยว่า หลังจากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะไปอัพเดทสถานการณ์ เพราะว่าอยู่ในเรือนจำไม่ได้ติดตามข่าวที่เกิดขึ้นข้างนอก เพื่อจะได้ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวทราบว่ามีคนรักประชาธิปไตยเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ทำให้รู้สึกมีกำลังใจ ทำให้มีความหวังระหว่างถูกควบคุมตัว 

พร้อมกันนี้ จตุรภัทร์ ได้แสดงความเป็นห่วงผู้มีอุดมการณ์เดียวกันที่ยังถูกควบคุมตัว เขาบอกว่า "เป็นห่วงทุกคน มีทั้งคนที่เรารู้ และหลายๆ คนที่เราไม่รู้ด้วยนี่เป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก บางคนที่ไม่ได้รู้แต่ว่าโดนคดี อยากให้ทุกคนช่วยติดตาม ก็มันมีผลจริงๆ ในการที่ข้างนอกพูดถึงผู้คนที่โดนคดีต่างๆ เพราะว่าบางคนโดนคดีเข้าไป แต่ว่าไม่ม่คนรับรู้ ไม่มีใครควรที่จะติดคุกเพราะการแสดงความคิดเห็น บางคนเป็นน้องที่ไม่มีสัญชาติก็โดนคดีด้วย ผมว่าเรื่องนี้เราต้องพูดให้เสียงมันดังขึ้น อยากให้ทุกคนออกมา"