Skip to main content

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศบค.ศปก. ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม เอราวัณ 2 สนามบางกอกอารีนา เขตหนองจอก เพื่อเตรียมรองรับผู้ป่วย โควิด-19 โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหาร กทม. ให้การต้อนรับ โดยทันทีที่เดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปความพร้อมในการรับผู้ป่วย รวมถึงดูระบบกล้องวจรปิดในการเฝ้าดูแลผู้ป่วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนกำหนดการทำงานล่วงหน้า รองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดในอนาคต พร้อมกำชับให้มีการประสานงานในส่วนของโรงพยาบาลสนามกับโรงพยาบาลอื่นๆ ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อ มีอาการป่วย หรือ จัดเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มสีเหลือง ให้มีความชัดเจนรวดเร็ว และมีความปลอดภัย ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ขณะเดียวกันได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม นำรถพยาบาล จากโรงพยาบาลทหาร และค่ายทหารต่างๆ ออกมาช่วยทำงานแก้ไขสถานการณ์ในขณะนี้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และกทม.ในขณะนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาปัจจุบันนี้คือการให้บริการ ซึ่งวันนี้ถูกต่อว่ามาอย่างมากโดยเฉพาะปัญหาในการรับแจ้งผ่าน 1668 โดยตนให้คนโทรไปแต่กลับไม่มีคนรับ ซึ่งไม่ได้จับผิดแต่ไม่มีคนรับจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้น จึงต้องไปแก้ตรงนี้และตนจะให้กระทรวงกลาโหมช่วยด้วย ขณะเดียวกันต่อไปในเรื่องรถรับส่งผู้ป่วยตนทราบว่าโรงพยาบาลเอกชนไม่ค่อยอยากรับ เพราะเตียงเต็ม ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นรมว.กลาโหมได้สั่งการให้รวบรวมรถพยาบาลของทหาร จากโรงพยาบาลและค่ายทหารมารับส่งผู้ป่วยโควิด เพื่อไปร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ตนไม่ได้ต้องการเป็นพระเอกอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวานนี้ไม่สบายใจอยู่อย่างเดียว ที่มีการออกข่าวผู้ป่วยที่อยู่หมู่บ้านที่สายไหมและมีการติดเชื้อโควิดทั้งบ้าน แล้วมีผู้นำเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์และบิดเบือน ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก จะทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนรู้ว่า ถ้ามาแจ้งในจุดนี้ไม่ได้แล้วจะแจ้งอย่างไรต่อ เพราะบางทีมีประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึง และมาติดต่อผ่านโรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่ถามไปแล้วโรงพยาบาลก็ยังไม่ตอบจนต้องอยู่ในบ้านและติดเชื้อทั้งบ้าน ซึ่งเรื่องนี้ก็วนกลับมาที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำชับให้บุคลากรแพทย์เฝ้าระวังตัวเอง เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานได้ ดังนั้นจึงหวังว่าสิ่งที่ได้ช่วยเหลือกัน จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน ที่ได้ร่วมกันดูแลประชาชน ขณะเดียวกันคาดหวังว่าสถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง ถ้าทุกคนร่วมมือกันการระบาดครั้งนี้ ไม่ใช่ความบกพร่องของ ศบค. เป็นการทำงานร่วมกัน ของ นายกฯ และ รัฐมนตรี ซึ่งตนไปสั่งการในส่วนของกลาโหม หากมีปัญหาขึ้นมา ตนก็รับผิดชอบไม่ไหว วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่ทำให้ จนท. ทางการแพทย์ติดเชื้อโควิดเพิ่ม คนที่เข้ามาทำงานก็จะหายไปเรื่อยๆ ตนก็ขอให้กำลังหมอและพยาบาลทุกคนที่ทำงานหนัก เปรียบเหมือนการสู้รับกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น ไม่มีใครรู้ แต่ตนหวังว่าสิ่งที่เราทำวันนี้ จะเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนให้การทำงานประสบความสำเร็จ ได้บุญกุศลดูแลประชาชนทั้งประเทศ ในเรื่องสาธารณสุข ซึ่งไม่เคยตำหนินายอนุทิน

'ผมไม่ได้มีอะไรสักนิด ไม่ได้ไปตำหนิอะไรเขาสักอย่าง ถามพี่หนูสิ ผมไม่เคยตำหนิเขาสักอย่าง ไม่เคยไปเล่นงาน คุยกันธรรมดา คุยกันทุกเรื่อง ขอให้ทุกคนอย่าขัดแย้งกันโดยเด็ดขาด ผมจะทำงานให้ท่านได้ ถ้าไม่ขัดแย้งกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่ากรณีข้อเสนอให้รัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนเข้ามาจำนวนมากๆ ว่า หากฉีดแล้ว เกิดอันตราย รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่บริษัท เพราะวัคซีนฉุกเฉิน เขาขายเพียงอย่างเดียว ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้เวลาตรวจสอบคุณภาพ' นายกรัฐมนตรี กล่าว 

พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่ามีรถพยาบาลให้บริการเท่าใด พร้อมเสนอว่าถ้าไม่เพียงพอ จะให้นำรถพยาบาลของทหารเสนารักษ์มาช่วย ถ้ายังไม่เพียงพออีก ก็จะนำรถสิบล้อทหารมาช่วยด้วย

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมว่า มีความพอใจในการเตรียมการและทราบว่า มีการเตรียมการเช่นนี้ในหลายพื้นที่ โดยวันนี้รองรับได้ 3,000 เตียง โดยต้องเข้าใจตรงกันว่า ผู้ป่วยมี 3 ระดับ คือ สีแดง เหลือง และเขียว ซึ่งคนที่มาอยู่ที่รพ.สนาม คือ สีเขียว แต่ต้องกักตัว 14 วัน ดังนั้นต้องอดทนจะได้ปลอดภัย ส่วนสีเหลืองและสีแดงก็ต้องเข้ารักษาไปโรงพยาบาล โดยวันนี้มีการเตรียมการให้นำอีก500 คน เข้าโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังเตรียม hospitel อีก และขอหากโรงแรมใดมีความพร้อมเสนอความต้องการมาได้เลย รัฐบาลก็ยินดีและจะได้ดูแล เศรษฐกิจของโรงแรมด้วยถือว่าช่วยกัน 2 ทาง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ขอบคุณภาคเอกชนที่พร้อมร่วมช่วยรัฐบาล ยืนยันรัฐบาลทำอย่างเต็มที่ในการทำให้พี่น้องประชาชนปลอดภัย แต่อยากให้ฟังช่องทางจากรัฐบาลด้วยและตั้งใจฟัง เพราะบางเรื่องสลับซับซ้อน หากไปติดตามจากที่อื่นๆก็จะทำให้เกิดความสับสน ไม่ฟังรัฐบาลก็เป็นปัญหา ซึ่งตนไม่โทษใคร แต่อะไรไม่ดีก็รับผิดชอบ อะไรก็ตามเข้ามาในประเทศไทยที่เป็นปัญหาไม่ปลอดภัยรัฐบาลนี้จะดูแลและแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างดีที่สุด แต่อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์อ่านได้แต่ถ้าเชื่อทั้งหมดคงไม่ใช่ ย้ำว่ารัฐบาลทำเต็มที่แล้ว และสามารถทำได้มากกว่านี้ ซึ่งถ้ามาตรการต่างๆ คุมไม่อยู่ก็ต้องแรงขึ้นอีก แต่ทุกคนไม่อยากถึงจุดนั้น เห็นใจประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยซึ่งรัฐบาลก็จะมีการเตรียมการมาตรการด้านเศรษฐกิจต่อไป จึงต้องขอเวลาอีกระยะ ซึ่งมีหลายคนเสนอง่ายๆให้แจกเงิน คงไม่ได้ทั้งหมดเพราะงบประมาณที่มีก็จำกัด

เมื่อถามว่า จะมีการยกระดับเพื่อควบคุมสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ตัวเลขดีขึ้นถือว่าเราสามารถควบคุมได้ ซึ่งต้องมีการประเมินเป็นระยะระยะโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการรายงานมาให้ตนทุกวันพร้อมส่งกราฟตัวเลขมาตลอด 24 ชม. ซึ่งตนก็ได้ย้ำเตือนหลายๆเรื่อง ไม่มีอะไรสมบูรณ์ 100 % อย่างน้อยทำได้ 80-90% ดีกว่าไม่ถึงเลย ย้ำว่าวันนี้วัคซีนเรายังนำเข้าได้อยู่ ในขณะที่หลายประเทศก็ยังมีปัญหา และรพ.สนาม ถือว่าเราก็ดูแลดีที่สุดแล้ว หากเป็นตน ตนก็อยู่ เพราะมีการดูแลดี ในขณะที่บางประเทศที่ติดเยอะๆ นอนเตียงละสองคน

เมื่อถามถึงกรณีมีรายงานข่าวว่า 6 ไฮโซไปเที่ยวบ่อนการพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน แล้วนำเชื้อมาระบาดที่ทองหล่อ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้จะมีการตรวจสอบอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่นายกฯ กำชับในเรื่องสายด่วนว่าไม่มีคนรับสาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ย้ำไปแล้ว โดยวันนี้จะให้กลาโหมช่วยด้วย โดยต้องมีคนรับสาย เพิ่มคู่สาย และช่วยในเรื่องรถพยาบาล ซึ่งตนลองโทรก็มีปัญหา ทุกอย่างปัญหามีอยู่ก็ต้องแก้ และต้องไปดูว่าที่โรงพยาบาลไม่รับเพราะอะไรเต็มหรือไม่ แต่วันนี้ถือว่ายังรับไหว ซึ่งต้องขอความร่วมมือและขอบคุณโรงพยาบาลด้วย สิ่งสำคัญวันนี้คือการบริหารความเข้าใจและความรู้สึก