พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.เตีย บันห์ รอง นรม.และ รมว.กระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ได้ร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ( GBC ) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 15 ณ รร.ดิ แอทธินี กรุงเทพฯ โดยฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น
ก่อนการประชุม พล.อ.ประวิตร ได้ร่วมหารือกับ พล.อ.เตีย บันห์ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารที่ใกล้ชิดแน่นแฟ้นในทุกระดับ และเห็นถึงความสำคัญของกลไกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ( GBC ) ต่อความมั่นคงชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยจะเพิ่มความร่วมมือกิจกรรมทางทหาร รวมทั้งการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมข้ามชาติมากขึ้น เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาชญกรรมทางไซเบอร์ โดยเฉพาะกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงข้ามแดน รวมทั้งร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยไม่นำเงื่อนไขของเขตแดนมาเป็นปัญหาในการปฏิบัติงาน
โดย พล.อ.ประวิตร ได้ขอบคุณกัมพูชา ที่สนับสนุนช่วยเหลือคนไทยในกัมพูชาที่ถูกหลอกลวง และขอความร่วมมือกัมพูชาช่วยกวาดล้างจับกุมแก๊ง Call Center คนไทย ที่ใช้กัมพูชาเป็นฐานหลอกลวงคนไทยด้วยกัน พร้อมย้ำกระทรวงกลาโหมไทย พร้อมสนับสนุนที่นั่งศึกษาทางทหารระดับต่างๆให้ กห.กัมพูชา เพื่อความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นมากขึ้น
ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.เตีย บันห์ ได้เป็นประธานร่วม การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 15 โดยเน้นย้ำ ความร่วมมือด้านต่างๆระหว่างกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ อันจะนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคงตลอดแนวชายแดน และรับทราบความก้าวหน้าของความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น การผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานชายแดน ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม การค้าชายแดน สาธารณสุขและการบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะการขับเคลื่อนกลไกการประชุม ผบ.ทสส.ไทย - กัมพูชา และการจัดตั้งกลไก RBC ประชุมร่วมระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดนทั้งสองประเทศ เพื่อแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ นอกจากนั้น ได้สนับสนุนให้หน่วยงานระดับ อำเภอ จังหวัด ร่วมแก้ปัญหายาเสพติด โดยดำเนินงานหมู่บ้านคู่ขนานสีขาวและหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวชายแดน รวมทั้งร่วมปฏิบัติตามแผนแม่น้ำโขงปลอดภัย เพื่อควบคุมปัญหายาเสพติด ซึ่งความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมดังกล่าว สะท้อนถึงพัฒนาการความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในการแก้ปัญหาชายแดนที่มีมากขึ้นต่อเนื่อง