ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ที่เกาหลีใต้มีการเลือกตั้งส่งผลให้ ยุน ซอกยอล จากพรรคพลังประชาชน พรรคฝ่ายค้านแนวอนุรักษ์นิยมได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 20 ของประเทศ ก็มีข่าวด้านลบของประธานาธิบดีคนนี้ออกสู่สายตาประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เว็บไซต์ข่าวยอนฮับ รายงานว่า ยุน ซอกยอล ผู้นำของเกาหลีใต้ ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า เขาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ฮัน ดงฮุน มีส่วนร่วมในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ผับหรูแห่งหนึ่ง โดยยุน บอกว่า นั่นเป็นข่าวปลอมที่หยาบคาย และไร้สาระ
ข้อกล่าวหาดังกล่าว ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยตัวแทนของคิม อุยกยอม ของพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี ที่เป็นฝ่ายค้านหลัก และช่องยูทูบที่ชื่อว่า Citizen Press The Tamsa TV เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ฮันขู่จะดำเนินคดีกับทั้งคู่
คิม อุยกยอม กล่าวหาว่าระหว่างการตรวจสอบรัฐสภาของกระทรวงยุติธรรม ยุนและฮันไปงานเลี้ยงสังสรรค์ยามดึกในผับหรูย่านชอง ดัมดง ทางใต้ของโซล เมื่อวันที่ 19 และ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมด้วยทนายความ 30 คนจากคิมชาง สำนักงานกฎหมายชั้นนำของประเทศ
ยุน กล่าวกับสื่อเมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า มีคำถามอะไรอีกไหม พร้อมเพิ่มเติมว่า การปลุกระดมข่าวปลอม และไร้สาระเช่นนี้ถือเป็นการดูถูกประชาชน หากจะให้พูดตามตรง มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น และประธานาธิบดีสมควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ที่เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของชาติของเราหรือไม่
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดียุน ซอกยอล เคยตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมออนไลน์มาแล้วหลังจากมีภาพของประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนนี้เดินกางร่มให้ตัวเองทั้งที่ข้างกายเขามาภรรยาเดินอยู่ด้วยท่ามกลางฝนที่ตกลงมา ซึ่งจากภาพที่ออกมานี้ ชาวเน็ตและสำนักข่าวหลายแห่งนำไปพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยที่ชาวเน็ตเกาหลีส่วนใหญ่มองว่า ยุน ซอกยอน คือผลผลิตของชาวเกาหลียุคเก่าที่เห็นแก่ตัวและเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ซึ่งการกระทำของเขาทำอาภาพลักษณ์ที่พระเอกซีรีส์พยายามสร้างมาถูกทำลายลงในเวลาไม่กี่นาที
เท่านี้ยังไม่พอ ยุน ซอกยอลยังเคยวิจารณ์ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ให้ทีมงานฟังและถูกสื่อที่อยู่บริเวณนั้นจับภาพและเสียงไว้ได้ทั้งหมดอีกด้วย และจากเหตุการณ์ทั้งสองนี้อาจทำให้คะแนนนิยมของยุน ซอกยอลลดลงได้
ยุน ซอกยอล จากพรรคพลังประชาชน เคยเป็นอดีตอัยการสูงสุดมาก่อน และเป็นผู้มีส่วนช่วยชี้มูลความผิดในกระบวนการถอดถอนพัคกึนเฮ อดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ จนถูกเรียกว่าเป็นอัยการหัวก้าวหน้า เขาใช้วิธีการหาเสียงโดยอาศัยคลื่นความโกรธแค้นของประชาชนที่มีต่อการบริหารประเทศของมุนแจอิน อดีตประธานาธิบดีที่มาจากพรรคประชาธิปไตย นโยบายหลัก คือการสร้างความเป็นธรรม สามัญสำนัก หลักการทางกฎหมาย และหลักนิติธรรม
นอกจากนี้ ยุน ซอกยอล ยังเผชิญหน้ากับข้อครหาว่าเขาเกี่ยวข้องกับลัทธิร่างทรงและพึ่งพาบุคคลจากลัทธิเหล่านี้ในฐานะที่ปรึกษา อีกทั้ง ‘คิมกอนฮี’ ภรรยาของเขาซึ่งเป็นเรี่ยวแรงหลักในการหาเสียงครั้งนี้ยังถูกกล่าวหาว่ารับสินบนและปั่นหุ้นมาเป็นเวลานานก่อนที่สามีของเธอจะลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี อีกทั้งเมื่อปีที่แล้ว คิมกอนฮีตกเป็นประเด็นทางสังคมเพราะถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงประวัติเพื่อใช้สมัครงานที่มหาวิทยาลัย 2 แห่งในปี 2550 และ 2556
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสข่าวด้านลบ แต่ยุน ซอกยอล ยังเป็นผู้นำเกาหลีที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรมอิแทวอนได้อย่างทันที เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมาเกิดเหตุนักท่องเที่ยวและประชาชนเหยียบกันตายในงานเทศกาลฮาโลวีน อิแทวอน สถานบันเทิงชื่อดังในกรุงโซล ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 151 ราย และบาดเจ็บ 82 คน โดยยุน ซอกยอล ได้สั่งประชุมฉุกเฉินร่วมกับผู้ช่วยระดับสูงหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นทันที พร้อมเร่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้เกิดจากอะไร
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยังออกประกาศเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รักษาผู้บาดเจ็บอย่างรวดเร็ว และทบทวนความปลอดภัยของสถานที่จัดงาน พร้อมทั้งแนะนำให้กระทรวงสาธารณสุขส่งทีมช่วยเหลือทางการแพทย์ด้านภัยพิบัติอย่างรวดเร็วและจัดหาเตียงในโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บด้วย
ส่วนวานนี้ (30 ต.ค.) ยุน ซอกยอล ลงพื้นที่เกิดเหตุที่อิแทวอน และประกาศไว้ทุกข์แห่งชาติ โดยกล่าวว่า รัฐบาลกำหนดระยะเวลาแห่งการไว้ทุกข์แห่งชาตินับตั้งแต่วันนี้ไปจนกว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ รวมถึงจะให้ความสำคัญสูงสุดในการฟื้นฟูและติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังแสดงความเสียใจไปยังผู้เคราะห์ร้ายในเหตุครั้งนี้ และหวังว่าผู้บาดเจ็บจะหายดีในเร็ววัน รวมถึงส่งกำลังใจให้กับสมาชิกครอบครัว ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ที่ต้องเผชิญความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สิ่งที่สำคัญที่สุดขณะนี้ คือ การหาสาเหตุของอุบัติเหตุ และป้องกันอุบัติเหตุที่คล้ายคลึงกันนี้ พร้อมให้คำมั่นจะเร่งตรวจสอบสาเหตุอย่างละเอียด โดยจะสังคายนาตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต