คืบหน้ากรณีเหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ระบุ ได้รับรายงานว่า นิติเวช รพ.อุดรธานี ชันสูตรเบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในผู้ก่อเหตุ หรือ ภายใน 72 ชม.ที่ผ่านมา ไม่มีการใช้สารเสพติด เตรียมตรวจซ้ำอีกครั้ง และต้องมาดูสาเหตุของการก่อเหตุว่า เกิดจากอะไรบ้าง จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า วานนี้ (6 ต.ค.65) เมื่อเวลา 04.00 น. ผู้ก่อเหตุทะเลาะกับภรรยา ซึ่งภรรยาโทรศัพท์ไปหาแม่ที่บ้านและขอให้มารับ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุตั้งแต่เข้ามาเป็นตำรวจในปี 2555 และได้ตรวจร่างกายหลังสอบข้อเขียนได้ ยืนยันว่าไม่พบสารเสพติด ประกอบกับที่ได้รับรายงานจากตำรวจพื้นที่ และแม่ของผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า น่าจะมีพฤติกรรมใช้สารเสพติดช่วงย้ายมาอยู่ที่ สภ.นาวัง แต่ต้องตรวจสอบอีกครั้ง และขณะนี้ยังไม่พบประวัติการรักษาอาการทางจิต
แต่เบื้องต้นพบว่า ก่อนที่จะก่อเหตุในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กนั้น ผู้ก่อเหตุกลับบ้านไปไม่พบภรรยาและลูก จึงเดินทางออกมาและขับรถชนคน และยิงประชาชนเสียชีวิต 3 ราย ก่อนเข้าไปในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ผู้ก่อเหตุมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับภรรยามานาน ประกอบกับความเครียด ไม่มีรายได้ เมื่อภรรยาจะออกจากบ้านอาจเกิดความหึงหวง หรือมีภาวะผิดปกติทางจิตใจอย่างรุนแรงเมื่อเผชิญความเครียด
ส่วนอาวุธปืนซื้อและมีใบอนุญาตถูกต้อง ยืนยันว่า กรณีให้ออกจากราชการ ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง เพราะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หลังจับกุมดำเนินคดีเรื่องครอบครองยาบ้า และสอบสวนวินัยร้ายแรงพบว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องคดียาเสพติดจะเป็นอีกแรงจูงใจหรือไม่ ผบ.ตร.ระบุว่ายังไม่สามารถตอบได้
การขึ้นศาลในวันเกิดเหตุส่งผลให้เกิดความเครียดหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า เป็นการพูดคุยระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นการเจรจาและมีแนวโน้มที่ดี โดยให้ไปหาความดีเพื่อบรรเทาโทษ เนื่องจากพบยาบ้าเพียง 1 เม็ด ส่วนช่วงก่อนเกิดเหตุลูกไม่ได้มาเรียนหลายสัปดาห์อาจเพราะป่วย แต่ยังไม่ยืนยันแน่ชัด
อย่างไรก็ตาม จะขอให้ตรวจซ้ำสารเสพติด เพื่อให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากเป็นประเด็นสงสัย และผู้ก่อเหตุมีประวัติการใช้สารเสพติด
ผบ.ตร.ยังระบุว่า ปืนของตำรวจส่วนใหญ่ เป็นปืนโครงการสวัสดิการฯ ซึ่งซื้อได้ถูกกว่า เมื่อถูกไล่ออกก็เป็นปืนส่วนตัว เพราะมีใบอนุญาตให้ครอบครอง หลังจากนี้อาจมีการทบทวนกระบวนการใช้อาวุธปืนในไทยว่ามีช่องโหว่ใดบ้าง โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ ผู้ก่อเหตุ มีประวัติการใช้ปืนและมีพฤติกรรมก้าวร้าว ซึ่ง ผกก.สภ.นาวัง เคยเรียกมาคุยและยึดอาวุธปืนเพื่อป้องกันการก่อเหตุ ต่อมาเมื่อค้นบ้านพบยาบ้าจึงให้ออกจากราชการ เพราะเป็นความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง เนื่องจากเป็นตำรวจจึงมีโทษค่อนข้างแรง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังระบุว่า คาดว่าไม่น่าจะมีประเด็นทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานเพราะออกมานานแล้ว ซึ่งสาเหตุหลักอาจมาจากตกงาน ขาดรายได้ และปัญหาครอบครัว โดยสอบสวนเพิ่มเติมถึงแรงจูงใจและสาเหตุที่ก่อเหตุในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
นอกจากนี้ ทางตำรวจจะนำเงิน 300,000 บาท มาร่วมเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสีย และเตรียมเปิดบัญชีของตำรวจเพื่อร่วมบริจาคนำเงินไปเยียวยาผู้เสียหายเพิ่มเติม