พรรคเป็นธรรม ประกาศพร้อมลงเลือกตั้งทุกกติกา เปิดตัว 'กัณวีร์ สืบแสง' ประธานยุทธศาสตร์และรองหัวหน้าพรรค ชูนโยบาย 'เปลี่ยน สร้าง สู้' เพื่อประชาธิปไตยที่เป็นธรรม ยันยืนข้างประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ
เมื่อวันที่ 1 ต.ค.65 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา พรรคเป็นธรรม โดย ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรค เปิดตัว กัณวีร์ สืบแสง ประธานยุทธศาสตร์และรองหัวหน้าพรรคเป็นธรรม พร้อมเปิดนโยบาย 'เปลี่ยน สร้าง สู้' เพื่อประชาธิปไตยที่เป็นธรรม
ปิติพงศ์ และ กัณวีร์ ร่วมกันวางพวงมาลาสดุดีวีรชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะเหตุผลสำคัญที่มาใช้สถานที่ในการเปิดนโยบายเพื่อระลึกถึงวีรชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
กัณวีร์ กล่าวสดุดีวีรชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 รวมไปถึง พฤษภา 35 และทุกการต่อสู้ในเส้นทางประชาธิปไตย รวมไปถึงขบวนการนักศึกษาในปี 2563 ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงประชาธิปไตยที่ไม่ได้มาจากประชาชนที่แท้จริง แต่เป็นผลพวงจากการรัฐประหาร ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเป็นเหตุให้ประชาชนต้องออกมาต่อสู้ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางที่แท้จริง
ปิติพงศ์ กล่าวว่า พรรคเป็นธรรม เป็นพรรคการเมืองใหม่ ที่ตั้งใจทำให้ประชาชนได้เป็นใหญ่อย่างแท้จริง ตั้งใจที่จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง 100% มีความพร้อมทุกกติกา ไม่ว่าจะมีการยุบสภา หรือรัฐบาลจะอยู่ครบเทอม พรรคเป็นธรรมมีความหวังที่จะมีที่นั่ง ส.ส.ในสภา เพราะมีบุคลากรที่พร้อมเข้ามาทำานการเมือง โดยเฉพาะ กัณวีร์ สืบแสง ที่เข้ามาร่วมงานเป็นประธานยุทธศาสตร์ และรองหัวหน้าพรรค ถือเป็นคนที่มีความตั้งใจทำงาน นำประสบการณ์จากองค์การสหประชาชาติ มาทำงานให้กับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และทุกพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน และนโยบายเปลี่ยนสร้างสู้ ก็ตรงกับจุดยืนของพรรคที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ว่ามุ่งเน้น 3 ป. คือ ประชาธิปไตย ประชาชน และ เป็นธรรม
"คุณกัณวีร์ เป็นผู้มีประสปการณ์ มีความตั้งใจสูงที่จะมาทำงานการเมือง ถึงเวลาแล้วที่พรรคเป็นธรรมจะขอเชิญชวนประชาชนร่วม สร้างประชาธิปไตยที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่ออนาคตของเรา" ปิติพงศ์ กล่าว
กัณวีร์ ได้เปิดตัวนโยบาย 'เปลี่ยน สร้าง สู้' ผลักดันสันติภาพกินได้ และมนุษยธรรมนำการเมือง
กัณวีร์ เปิดเผยว่า จากประสปการณ์ทำงานองค์การสหประชาชาติ ที่ทำงานในพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ว่าจะในภาวะสงครามที่มาจากความขัดแย้งทางการเมืองหรือสงครามความอดอยากใน 12 ปีที่ผ่านมากว่า 8 ประเทศ อยากทำงานการเมือง อยากให้เห็นว่า คนธรรมดาก็สามารถทำงานการเมืองได้ อาจจะอยู่ในพรรคเล็ก ทำให้ประชาชนเห็นว่า การเมืองไม่ใช่สิ่งไกลตัว ถ้าประชาชนตื่นตัวการเมือง เข้าถึง ทำได้ เราทุกคนในที่นี้ สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้
"เรามีอุดมการณ์ต้องการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผมเคยทำงานสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้ว ผมจึงเห็นว่าการเมืองไทย คือสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะเกือบ 90 ปี ความเป็นธรรมยังไม่เกิด ผมพร้อมร่วมกับพรรคเป็นธรรม แม้เป็นพรรคเล็กในสายตาของคนทั่วไป ถ้าคนอย่างผม มาทำงานได้จริง แสดงว่าเปิดพื้นที่ให้กับทุกคน พรรคนี้จะตอบโจทย์ สำหรับการเมืองไทย" กัณวีร์ กล่าว
นโยบาย เปลี่ยน สร้าง สู้ มาจากโครงการ 'ฟังเสียงศักดิ์สิทธิ์' ที่มาจากศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชน ที่จะมี 4 เปลี่ยน คือ
1. เปลี่ยน ความมั่นคงทางทหารให้เป็นความมั่นคงของมนุษย์
2. เปลี่ยน ให้ชุมชนกำหนดอนาคตการพัฒนาแทนทุนใหญ่
3. เปลี่ยน ชายแดนเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
4. เปลี่ยน เสียงประชาชนเป็นนโยบายนำไปสู่การร่างกฎหมายที่ประชาชนมีส่วนร่วม
เสียงศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนที่เรียกร้องถึง “4 เปลี่ยน” นำมาซึ่งความต้องการถึงแนวทางในการได้มาซึ่งการเปลี่ยนต่างๆ ผ่านการ “สร้าง” ที่ตอบโจทย์ความต้องการจากประชาชน
3 สร้าง นี้ คือสารตั้งต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนเรียกร้อง
1. สร้างเศรษฐกิจฐานรากจากนโยบายที่เรียกว่า “การทำงาน ณ ถิ่นกำเนิด” (Work from Hometown)
2. สร้างสันติภาพผ่าน Smart Power
3. สร้างสันติภาพที่กินได้ ผ่านความเข้าใจ ยอมรับ และเคารพในความแตกต่างทางชาติพันธุ์ ศาสนา และความเชื่อ
กัณวีร์ กล่าวว่า เมื่อเสียงของประชาชนถูกเปล่งออกมาเพื่อการ “เปลี่ยน” และความต้องการดังกล่าวถูกกลั่นออกมาเป็นเป็นแนวนโยบายที่ “สร้าง” สังคมตามทิศทางความต้องการของเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยไทยที่แท้จริงแล้ว
พรรคเป็นธรรม จึงกำหนดแนวทางการ “สู้” ในระบอบการเมืองการปกครองไทย เป็น “4 สู้”
1. สู้เพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพแห่งประชาชนอันเป็นสิทธิโดยกำเนิด
2. สู้กับการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม
3. สู้เพื่อรักษาอัตลักษณ์และชาติพันธุ์
4. สู้เพื่อให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางของชาติ
กัณวีร์ เปิดเผยว่า หนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคเป็นธรรม คือพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประชาชนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งสิ่งสำคัญคือการกระจายอำนาจ ที่มีนโยบายเช่น จังหวัดจัดการตนเอง รวมถึงการผลักดันจังหวัดชายแดนทั่วประเทศ
โดยพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีคนรุ่นใหม่ อย่าง นายฮากิม พงตีกอ มาเป็นรองเลขาธิการพรรค เป็นการเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมของประชาชน
ขณะที่สรยุทธ เพ็ชรตระกูล เลขาธิการพรรคเป็นธรรม แสดงความยินดีที่นายกัณวีร์ มาร่วมงานกับพรรค ที่ตั้งใจเป็นพรรคการเมืองที่แท้จริง ไม่ได้ตั้งมาเพื่อจะควบรวมกับพรรคการเมืองอื่น จึงขอโอกาสประชาชน
สำหรับ กัณวีร์ สืบแสง เป็นอดีตหัวหน้าสำนักงานภาคสนาม สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย แห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ใน 8 ประเทศ เช่น ประเทศไทย (แม่ฮ่องสอน) เมียนมา บังคลาเทศ ซูดาน ซูดานใต้ และ ฟิลิปปินส์ มีประสบการณ์ทำงานด้านมนุษยธรรม ในพื้นที่สงคราม การช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ และผู้ลี้ภัย รวมถึงมีประสปการณ์ทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัจจุบันเป็น ประธานมูลนิธิสิทธิเพื่อสันติภาพด้วย จากประสบการณ์งานด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ทำให้กัณวีร์ มีความตั้งใจที่จะผลักดันนโยบาย "สันติภาพกินได้" และ "มนุษยธรรมนำการเมือง" ตรงกับอุดมการณ์ของพรรคเป็นธรรมม ที่อยากเห็น ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยต้องเป็นธรรม