พรรคผสมฝ่ายขวา เอาชนะรัฐบาลกลางซ้ายในการเลือกตั้งทั่วไปของสวีเดนอย่างหวุดหวิด โดยพรรคผสมฝ่ายขวาให้สัญญาจะยกระดับการเมืองของสวีเดนประกาศ “ถึงเวลาทำให้สวีเดนดีขึ้นอีกครั้ง”
The Washington Post เปิดเผยว่า ชัยชนะของพรรคฝ่ายขวาเกิดขึ้นหลังจากแรงสนับสนุนที่มีต่อพรรคเดโมแครตของสวีเดน หรือ SD ซึ่งเป็นพรรคต่อต้านผู้อพยพ และตอนนี้เป็นพรรคใหญ่อันดับ 2 ในสภานิติบัญญัติและมีอำนาจสูงสุดจากฝั่งขวา
SD นำโดย จิมมี แอคสัน สมาชิกสภานิติบัญญัติวัย 43 ปี และพรรคระดับกลางอย่าง พรรคเดโมแครตคริสเตียน และพรรคเสรีนิยม ชนะไปด้วย 176 ที่นั่งตามการนับคะแนนล่าสุด ทำให้พวกเขานำหน้าพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยของแมกดาเลนา แอนเดอร์สัน นายกรัฐมนตรี และพรรคพันธมิตรฝ่ายซ้ายของแอนเดอร์สัน ยอมรับเมื่อเย็นวันที่ 14 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนผลอย่างเป็นทางการ และอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการจัดตั้งรัฐบาล
โดยแอคสัน โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ถึงเวลาทำให้สวีเดนดีขึ้นอีกครั้ง"
ทั้งนี้การเลือกตั้งดังกล่าวถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดด้านการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของสวีเดน เพราะมีการใช้วาทกรรมต่อต้านผู้อพยพ รวมถึงมีความรุนแรงในทางการเมือง ทำให้มีความกังวลว่าจะยิ่งทำให้เกิดการแบ่งขั้ว
ขณะที่ผู้สนับสนุนฝ่ายขวาในยุโรปออกมาแสดความยินดีกับชัยชนะที่ SD ได้รับ โดยมีทวิตเตอร์ของชาวขวาจัดคนหนึ่งในฝรั่งเศสทวีตว่า "ทุกที่ในยุโรป ผู้คนต่างต้องการนำโชคชะตาของตัวเองกลับมาถือไว้ในมือของตัวเองทั้งนั้น"
นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งที่ออกมายังอาจกำหนดจุดยืนของสวีเดนในเวทีโลกที่ตอนนี้ประเทศทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อตอบโต้สงครามในยูเครน และแสวงหาสมาชิกภาพของนาโต้ และรับตำแหน่งประธานหมุนเวียนของสหภาพยุโรปในปี 2023 อีกด้วย
ด้าน เอริค อดัมสัน ผู้จัดการโครงการในสตอกโฮล์ม ประจำสำนักงานยุโรปเหนือของสภาแอตแลนติก กล่าวว่า เมื่อยึดอำนาจด้วยที่นั่งเดียว นั่นเป็นสาเหตุของความไม่มั่นคง และสิ่งนี้อาจทำให้สวีเดนมีบทบาทเป็นผู้นำในยุโรปเหนือในสหภาพยุโรปได้ยากขึ้น หรือแม้แต่ในนาโต้เอง
พรรค SD ได้คะแนนนิยมจากการแสดงจุดยืนที่แข็งขันด้านอาชญากรรม โดยเฉพาะอัตราความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืนที่เพิ่มขึ้นในสวีเดน และเผยแพร่นโยบาย 30 ข้อที่มุ่งสร้างกฎการเข้าเมืองของสวีเดนให้อยู่ในกลุ่มที่เข้มงวดสุดในสหภาพยุโรป พวกเขาอยากสามารถปฏิเสธผู้ลี้ภัย จากพื้นฐานของศาสนา หรือเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศได้
จับตากระแสต้านผู้อพยพ และนโยบายลดการขอลี้ภัย
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นโยบายย้ายถิ่นฐานแบบเสรีของสวีเดนไม่ใช่ประเด็นการเมืองที่สำคัญ แต่การหลั่งไหลเข้ามาของผู้อพยพในยุโรปในปี 2015 เริ่มเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ เนื่องจากในตอนนั้นสวีเดนรับผู้ลี้ภัยมากกว่า 150,000 คน รวมถึงผู้มาใหม่จำนวนมากจากซีเรีย, อิรัก และอัฟกานิสถาน ทำให้ตั้งแต่นั้นมามีความกังวลเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานและการรวมกลุ่มได้ปรากฏชัดเจนขึ้น
พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย ยืนยันว่าพวกเขาได้ลดการขอลี้ภัยด้วยการทำให้ผู้อพยพเข้าประเทศและสมัครได้ยากขึ้น อีกทั้งยังยกระดับการเนรเทศผู้ลี้ภัยที่ถูกปฏิสธใบสมัครและยืนยันว่าสวีเดนได้รับผู้ลี้ภัยมากไปกว่าสหภาพยุโรปประเทศอื่นๆ โดยหัวหน้าพรรคยังให้คำมั่นที่จะลดจำนวนผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวนอร์ดิก ในพื้นที่ที่มีผู้อพยพจำนวนมากอาศัยอยู่ โดยสัญญาว่าจะยุติ "โซมาลิทาวน์", "ไชน่าทาวน์" และ "ลิตเติ้ลอิตาลี" ด้วย
พรรคเดโมแครตสวีเดน หรือ SD ก่อตั้งตั้งแต่ 1988 โดยกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายขวา และนีโอนาซี ตอนนั้นยังไม่มีคะแนนเสียงมากพอที่จะชนะที่นั่งในรัฐสภาได้จนถึงปี 2010 ซึ่งหลังจากความก้าวหน้าในตอนนั้น ผู้นำพรรคก็เริ่มกีดกันสมาชิกที่สุดขั้วออกจากพรรค อีกทั้งฝ่ายอื่นๆ และสื่อ ต่างรักษาระยะห่างจาก SD รวมถึงปฏิเสธจะพูดคุยหรือให้เวทีกับ SD แต่การสนับสนุนพรรคกลับเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และแสดงผลให้เห็นในการเลือกตั้งล่าสุด
พรรค SD ถูกสื่อกระแสหลักคว่ำบาตรมาเป็นเวลานาน แต่พรรคได้พัฒนาเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของตัวเอง และมีประสิทธิภาพอย่างมากในโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊กและยูทูบ แม้แต่ Moderates ซึ่งเป็นพรรคกลาง-ขวาที่ใหญ่ที่สุด เคยหลีกเลี่ยง SD แต่ในที่สุด Moderates ก็เลือกที่จะสร้างความสัมพันธ์โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับสถานะทางการเมืองที่เป็นอยู่และเพื่อเอาชนะพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย
แอนเดรส บอร์ก อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของ Moderates กล่าวว่า ถ้าต้องการรัฐบาลที่ไม่มีพื้นฐานมาจากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย ก็ต้องร่วมมือกับ SD และมองไม่เห็นกลยุทธ์การเลือกตั้งไหนที่เป็นไปได้อีกแล้ว เพราะในสวีเดน เราแยก SD ออกไป แต่พวกเขากลับโตขึ้น 20% เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งธรรมดาจำนวนมากย้ายฝั่งไปหาพวกเขา และในเวลาเดียวกัน SD ก็ปรับตัวเองสู่การเป็นพรรคการเมืองธรรมดาด้วย
ตามข้อมูลของแอนน์ แคทเทอรีน จุนการ์ (Ann-Cathrine Jungar) ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Sodertorn ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์หัวรุนแรงผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากพรรค SD ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ และพื้นที่ชนบท และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และพวกเขาได้รับการศึกษาน้อยกว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วไป แต่หลายคนเป็นผู้ประกอบการรายย่อย พรรคนี้ยังได้รับคะแนนเสียงจากชนชั้นแรงงานแบบดั้งเดิมและเพิ่มการสนับสนุนในหมู่คนหนุ่มสาว
จุนการ์ กล่าวด้วยว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเหล่านี้เชื่อมั่นสื่อน้อย พวกเขาจะเชื่อข้อมูลอคติเกี่ยวกับประเด็นหลักการย้ายถิ่นฐานของพวกเขาเอง และ SD วาทกรรมประชานิยมว่ามี 'สถานประกอบการเสรีนิยมฝ่ายซ้าย' ซึ่งเป็นชนชั้นสูงที่ไม่เข้าใจประชาชน อีกทั้ง พรรคได้ปลูกฝังความสัมพันธ์กับผู้สนับสนุนทรัมป์และกลุ่มขวาจัดในสหรัฐอเมริกา ทำให้มีข้อกังวลที่นี่ว่าเราจะกลายเป็นเหมือนอเมริกามากขึ้นด้วยการแบ่งขั้วและวาทกรรมที่รุนแรง