'ไทยสร้างไทย' โวย สำนักนายกฯ สาดงบโฆษณา พุ่งติดอันดับ 9 ของประเทศกว่า 900ล้านบาท เรียกร้องให้ใช้งบรอบคอบ มีประสิทธิภาพ หวั่นภาษีไม่เกิดประโยชน์ เปย์ตัวเองหวังผลเลือกตั้งใหญ่
รณกาจ ชินสำราญ กรรมการบริหาร พรรคไทยสร้างไทย และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า จากรายงานของ Nielsen ประจำเดือน สิงหาคม 2565 ได้ประกาศบริษัท-หน่วยงานที่ใช้งบโฆษณาสูงที่สุด 20 อันดับในปี 2565 โดยมีสำนักนายกรัฐมนตรี พุ่งขึ้นจากเดือน กรกฎาคม 2565 ที่อันดับ 13 มาเดือน สิงหาคม นี้กระโดดขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 9
โดยใช้งบประมาณทั้งปีไปเกือบ 900 ล้านบาท ใกล้เคียงกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota และ Coca-Cola ที่ใช้เงินโฆษณาไปประมาณ 900 กว่าล้านบาทเช่นกัน
สำหรับงบประมาณกรมประชาสัมพันธ์ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2565 มีงบประมาณทั้งหมด 2,422ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของภาครัฐ 996 ล้านบาท และ "งบเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในข้อมูลยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่เผยแพร่ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์" อีก 1,406 ล้านบาท
ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ของกรมประชาสัมพันธ์ ได้ตั้งไว้เพิ่มขึ้นจากเดิม เป็น 2,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 อีกด้วย
ปัจจุบัน ภาพรวมของสื่อมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น ทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการโฆษณาที่เชื่อถือได้ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางด้านสื่อให้มีประสิทธิภาพและสร้างความแตกต่างจากคนอื่นๆ
นั่นหมายถึง การใช้เงินโฆษณาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจะยิ่งยากมากขึ้นไปอีก หรืออีกนัยหนึ่งคือ ถ้าวางกลยุทธสื่อไม่เป็นเงินก็จะละลายหายไปเกิดประโยชน์ไม่เต็มที่
ยกตัวอย่างเช่น ในปีนี้ไทยเองเป็นเจ้าภาพจัดงาน APEC ซึ่งเดือนที่ผ่านมากรมประชาสัมพันธ์ได้แถลงว่ามีความจำเป็นที่ต้องใช้งบประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ที่จะได้จากการที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยเป็นการประชาสัมพันธ์ตลอดทั้งปี
แต่การการรับรู้ของประชาชนทั่วไป ยังแทบไม่รู้ว่ามีการจัดรูปแบบไหน จัดเมื่อไหร่บ้าง หรือแม้แต่ APEC คืองานอะไร และไทยได้ประโยชน์อะไร
อยากขอวอนไปที่หน่วยงานของรัฐเรื่องการใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ถึงแม้เราบอกไม่ได้ว่ารัฐใช้งบได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ แต่ในฐานะที่ประชาชนเป็นผู้เสียภาษี ก็อยากให้เงินนั้นถูกใช้อย่างรัดกุม ถูกที่ถูกทาง และเกิดประโยชน์ต่อภาพรวม
ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นคำถามว่า "สำนักนายกฯสายเปย์ ใช้เงินเพื่อโฆษณาตัวเองในช่วงใกล้เลือกตั้งใหญ่ใช่หรือไม่