ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสมาชิกอภิปรายจบ จนเมื่อเวลา 13.30 น. หลังจากสมาชิกอภิปรายจบ พรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้ให้สมาชิกลงคะแนนในมาตรา 24 /1
พิเชฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เพื่อไทย สมาชิกรัฐสภา ประท้วงว่ามีการเสียบบัตรแทนกัน ขอให้มีการบันทึกภาพในห้องประชุมไว้ด้วยว่ามีใครนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้บ้าง
ด้านคารม พลพรกลาง ส.ส.ภูมิใจไทย สมาชิกรัฐสภา กล่าวว่า ไม่ควรกล่าวเช่นนี้เรพาะสมาชิกเป็นผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนก็อยู่ ตนขอให้ถอนคำพูดนี้ ตนรู้จักพิเชฐดี อย่ามาหาเสียงแถวนี้
ขณะที่จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เพื่อไทย สมาชิกรัฐสภา เรียกร้องให้ประธานขานองค์ประชุม พราะหากไม่เพียงพอก็จบเพียงเท่านี้ดำเนินต่อไปไม่ได้ วันนี้เรากำลังเดินเข้าสู่กับดัก ถ้าไปสู่วาระสามโอกาศที่พรป.นี้ตกร้อยเปอร์เซนต์ เราจะเข้าสู่สูญากาศเราจะเลือกตั้งไม่ได้ ขอให้ขานผล
ครูออน กาจกระโทก ส.ว. ในฐานะสมาชิกรัฐสภา หารือว่า ตนเสนอให้ใช้ข้อบังคับ5(3) การควบคุมการประชุมโดยอยากให้ขานชื่อเพื่อให้ประชาชนที่อยู่ทั้งประเทศได้ดูว่าใครที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยแล้วมาทำหน้าที่อยู่ประชุมหรือไม่
จากนั้นพรเพชรได้ขานว่ามีองค์ประชุม 367 คน ถือว่าครบองค์ประชุม (ปกติ 365 เสียง)
ด้านจุลพันธ์ กล่าวว่าก่อนหน้านี้มีสมาชิกทั้งส.ส. และส.ว.บางส่วนเป็นห่วงว่ามีการกดบัตรแทนกัน จึงขอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 120 ขอเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เพราะมีเสียงเกินมาเพียงเล็กน้อย จึงอยากให้ตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้เสนอให้นับพร่ำเพรื่อ แต่ถือเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกที่จะเสนอ ซึ่งก็มีสมาชิกยกมือรับรอง
พรเพชร กล่าวว่า ตนเห็นด้วยแต่ต้องการจะเช็กเพื่อความแน่นอน จะได้ไม่ผิดพลาด แต่ขอให้เวลาดำเนินการเพราะเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่เคยปฏิบัติมาก่อน
ด้าน นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.พลังธรรมใหม่ สมาชิกรัฐสภา กล่าวว่าเมื่อครบองค์ประชุมแล้ว การเสนอญัตติให้ขานชื่อมีการเจตนาเตะถ่วงมากเกินไป ตนขอเสนอญัตติไม่เห็นด้วยที่จะนับองค์ประชุม แต่นายพรเพชรวินิจฉัยว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของผู้เสนอให้นับองค์ด้วยการขานชื่อ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามด้วย
ขณะที่ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคภูมิใจไทยลุกขึ้นกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเกษตรกรกำลังได้รับปัญหาพืชผลเกษตรตกต่ำ รอการแก้ไขจากสภาโดยได้ส่งตัวแทนมาทำงาน แต่กลับมาทะเลาะกันในที่ประชุมสภาทุกวันเป้นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับสังคม วนนี้ประชุมเพือบทั้งวัน เดี๋ยวก็บัตรสองใบ เดี๋ยวก็บัตรใบเดียว จะบัตรอะไร ประชชนเท่าทนั้นที่ตัดสินใจ ตอนนี้ก้มีมติไปแล้วก็จะต้องมานับคะแนนกันใหม่อีก ประชาชนอยากรู้ว่าเขาได้อะไร
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาร สมาชิกรัฐสภา กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรา 24/1 เสร็จแล้ว และประธานได้กดออดให้สมาชิกแสดงตนแล้ว และยังได้ประกาศตัวเลข 367 เสียงว่าครบองค์ประชุม ซึ่ง ตนไม่ขัดข้องหากจะนับด้วยการขานชื่อ และจะเสร็จกี่โมงยาม แต่ตนสงสัยเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อการประชุมครั้งต่อไป ว่าหากมีการขานไปแล้วถือว่าครบแล้วหรือไม่
ด้านพรเพชรกล่าวว่า เมื่อมีข้อกล่าวหาว่ามีการกดบัตรลงคะแนนกัน ก็ถือว่าเป็นบรรทัดฐานเช่นนี้ ตนไม่รู้ว่ามีใครกดบัตรแทนกันหรือไม่ แต่เมื่อวินิฉัยเช่นนี้แล้วก็ดำเนินการต่อไป จากนั้นได้ตั้งคณะกรรมการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อจากตัวแทนของแต่ละฝ่าย และเริ่มให้สมาชิกขานชื่อตามลำดับ
ต่อมาเวลา 15.58 น. หลังมีการตรวจสอบองค์ประชุมแบบขานชื่อนานกว่า 2 ชั่วโมง ผลปรากฎว่า มีสมาชิกรัฐสภามาร่วมประชุม 403 คน จากทั้งหมด 727 คน จากนั้นที่ประชุมลงมติว่าเห็นด้วยที่จะให้มีการเพิ่มมาตรา 24/1 หรือไม่ หลังจากรอผลการนับคะแนนพักใหญ่ นายพรเพชรได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า “ผลการลงคะแนนไม่ครบนะครับ ดังนั้นผมขอปิดการประชุม” พร้อมกดสัญญาณปิดประชุมเมื่อเวลา 16.15 น. ท่ามกลางมึนงงของสมาชิกรัฐสภาที่เข้าร่วมประชุม