นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.)ที่จะมีการพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า หากพรุ่งนี้ไม่สามารถเปิดประชุมได้เพราะองค์ประชุมไม่ครบ ก็ต้องยอมรับว่า ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง จะถูกตีตกไปจากสภาทันที เนื่องจากพิจารณาไม่ทันภายใน 180 วัน เพราะน่าจะยากที่จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งก่อนในวันที่ 15 ส.ค.ตนเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่า หากกฎหมายถูกตีตกไป ประธานรัฐสภาต้องตอบคำถามกับสังคม และที่สำคัญคือ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ที่ต้องตอบให้ชัดเจนว่า รับคำสั่งมาจากใครหรือไม่ ถึงไม่สามารถประชุมร่วมวันที่ 9 ส.ค.ได้
“ต่อให้ไม่ทัน 180 วัน และจะต้องย้อนกลับไปใช้ร่างหารด้วย 100 ของรัฐบาลหรือ กกต.แต่ก็ยังมีกลไกเปิดให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ในระหว่างขั้นตอนนายกรัฐมนตรียื่นทูลเกล้าฯ ก็ยังมี 5 วันนาทีทอง ซึ่งผมก็จะยื่นศาลเพื่อให้วินิจฉัยเรื่องนี้อย่างแน่นอน” นพ.ระวี กล่าว
เมื่อถามถึงสาเหตุในการพลิกไปพลิกมาของกฎหมายลูก นพ.ระวี กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบจากกระแสข่าวลือตอนนี้ จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตนไม่มั่นใจ แต่หลายคนมองว่า น่าจะมีการเกี่ยวพันกับการตัดสินครบวาระ 8 ปี ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกคนมองว่า หากนายกถูกตัดสินว่าครบวาระ ตามมาตรา 158 วรรค 4 จะทำให้นายกฯ คนต่อไปน่าจะเป็นอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีรายชื่ออยู่ในแคนดิเคตนายกรัฐมนตรี แต่น่าจะมีขบวนล็อบบี้ไม่ให้อนุทินขึ้นดำรงตำแหน่ง เพราะการโหวตเลือกต้องใช้เสียง ส.ว.250 เสียงด้วย หลังจากนั้นก็จะเป็นการเอานายกฯ คนนอก เป็นก๊อก 2 ซึ่งตรงนี้เต็งหนึ่งก็น่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่มันมีเงื่อนไขระบุอยู่ว่า การที่พล.อ.ประวิตร จะขึ้นเป็นนายกฯได้จะต้องใช้เสียงโหวตของฝ่านค้านจำนวนหนึ่งอยู่ด้วย
“ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่ข่าวลือเขาระบุชัดว่า มีการฮั้วกันระหว่างคน 2 คน โดยประชาชนที่ติดตามข่าวน่าจะรู้ว่าหมายถึงใคร ว่าใครมีอิทธิพลบารมีมากพอที่จะไล่ ส.ส.และ ส.ว.กลับบ้านได้ และใครมีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเป็นหาร 100 เพื่อแลกเปลี่ยนกัน เราคงต้องจับตาดูกันต่อไป”